เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครนายก ว่า เมื่อเวลา 20.00 น วันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีรถกระบะหลบหนีจุดตรวจ ตำรวจ สภ.เมืองนครนายก บริเวณถนนสุวรรณศร เส้น นครนายก-บ้านนา  จึงรีบลงพื้นที่เกิดเหตุ พบ ร.ต.อ.วีรศักดิ์  บาลโสง รองสวป. หัวหน้าชุดจับกุม เล่าว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามปกติ ระหว่างนั้นมีรถกระบะ วีโก้ สีดำ ทะเบียน บฉ 6825  นครนายก ขับรถเข้ามาที่จุดตรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงโบกให้ชิดซ้าย เพื่อตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย รถคันดังกล่าวได้ขับชิดซ้ายตามที่เจ้าหน้าที่บอก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่กำลังจะเดินไปที่รถ รถกระบะคันนี้ได้เร่งเครื่องออกไปทันทีโดยมุ่งหน้าไปทาง อ.บ้านนา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ล่าติดตาม และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ สภ.บ้านนา ตั้งจุดสกัดบริเวณสี่แยก อ.บ้านนา แต่เมื่อรถคันดังกล่าวได้ขับไปจนเกือบจะถึงจุดสกัด ก็ได้เลี้ยวกลับรถ และได้ขับย้อนศรหนีไปอีกเลนของถนน และได้เลี้ยวเข้าไปเส้นทาง ต.ศรีกระอาง มุ่งหน้าไปทางโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปอย่างใกล้ชิด  

เมื่อถึงจุดที่ไม่มีบ้านเรือนประชาชน เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงยางรถเพื่อสกัดการหลบหนี ทำให้รถกระบะคันดังกล่าวยางแตก 3 เส้น ไม่สามารถขับไปต่อได้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมเอาไว้ได้ ซึ่งระยะทางที่หลบหนีมาจาก อ.เมืองนครนายก จุดถึงจุดที่จับกุมได้ ต.ศรีกระอาง อ.บ้านนา กว่า 20 กม. โดยในรถพบ ชาย 2 คน และเด็กหญิงอีก 1 คน ทราบภายหลังว่าเป็นลูกสาวของคนขับชื่อนายไพบูลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ตรวจสอบภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย พบเพียงกระป๋องเบียร์ที่ตกอยู่ภายในรถ

จากการสอบสวน นายไพบูลย์ ให้การว่าไปห้างสรรพสินค้าขายปลีกมากำลังจะเดินทางกลับบ้าน โดยยอมรับว่าเมา พอเจอด่านเลยกลัว ทั้งนี้ได้วัดปริมาณแอลกอฮอร์ ขึ้น 54 mg% ซึ่งเกิดกว่ากฎหมายกำหนดไปเพียง 4 mg% เพียงเท่านั้น เมื่อตรวจสารเสพติดก็ไม่พบทั้งคนขับ และคนที่นั่งโดยสารมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ทั้ง 2 คน พบเพียงคนที่โดยสารนั่งมาด้วยอยู่ระหว่างประกันตัวคดียาเสพติด แต่ตัวคนขับไม่พบประวัติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่เห็นว่ารถกระบะคันที่หลบหนีได้โยนอะไรบางอย่างออกมานอกตัวรถ ซึ่งตำรวจจะได้ดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป.