เมื่อวันที่ 18 พ.ย. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาวอุดรธานี ได้เข้าแจ้งตำรวจว่า น.ส.สา (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นแม่ของตนเอง โดนพระอนุชา อายุ 48 ปี เพื่อนพ่อเลี้ยง เดินทางจาก จ.กาญจนบุรี กลับมาเยี่ยมบ้าน ได้ปักกลดที่กระท่อมนาพ่อเลี้ยง แถมขอร่วมวงก๊งเหล้าด้วย พอเมาได้ที่ขอมีอะไรกับแม่ของตนเอง แต่แม่ปฏิเสธและบอกให้ไปมีอะไรกับหมา ทำให้พระอนุชาโกรธ ชกหน้าแม่จนล้มแล้วกระทืบซ้ำจนซี่โครงร้าว รักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แต่พระอนุชายังลอยนวล เมื่อตำรวจไปตามหา กลับหลบหนี

ต่อมาเวลา 17.00 น. ร.ต.อ.พงศ์พล ผิวผ่อง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งว่า พบพระอนุชา ทับประดิษฐ์ อายุ 48 ปี ผู้ถูกกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกาย น.ส.สา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตาปูดบวม ซี่โครงร้าว เดินอยู่ในป่าหลังกระท่อมนา ตำรวจจึงนำตัวมาโรงพัก ให้ พ.ต.ท.พัฒนวงศ์ จันทร์พล รอง ผกก.ป. นำการสอบสวน

จากการสอบสวนพระอนุชา ให้การว่าปี 2555 ตนเคยถูกจับกับเพื่อน ข้อหาลักทรัพย์ยางรถไถ ติดคุก 9 เดือน พอพ้นโทษออกมา ได้ไปบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ต่อมามีสีกามาติดพัน จึงได้สึกมาอยู่กินกับสีกา แต่อยู่ได้ไม่ถึงปีก็แยกทางกัน ตนจึงกลับมาบวชอีกได้ 2 พรรษา เมื่อ 3 วันก่อน ได้เดินทางมาเยี่ยมพ่อที่บ้านสามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี แต่ได้ไปปักกลดที่กระท่อมนาเพื่อน ซึ่งกำลังพากันเกี่ยวข้าว ตกค่ำเพื่อนได้ตั้งวงดื่มเหล้า คืนแรกไม่ได้เข้าไปร่วมวง แต่พอคืนที่ 2 ตนทนไม่ไหวจึงเข้าไปขอร่วมวงก๊งเหล้าด้วย โดยอ้างว่าแก้เหนื่อย ตนดื่มเหล้าทั้งคืนจนมีอาการมึนเมา ส่วนเรื่องทำร้ายเมียเพื่อน ตนขอปฏิเสธไม่ได้ทำ แต่ทาง น.ส.สา กับสามี ดื่มเหล้าจนเมาแล้วทะเลาะกัน ตนจึงเข้าไปห้ามปราม แต่บางครั้งก็พลั้งเผลอชกบ้าง ไม่คิดว่าเมียเพื่อนจะมาใส่ร้ายตน ตนก็แค่ดื่มเหล้าและสูบกัญชา แต่ไม่ได้เสพยาบ้าแต่อย่างใด

ทั้งนี้ตำรวจได้ขอดูใบสุทธิ แต่พระอนุชาไม่มีมาแสดง โดยอ้างว่าลืมที่วัด มีเพียงบัตรประชาชนมาแสดง ตำรวจจึงนำตัวไปสึกที่วัดมัชฌิมาวาส ต.หมากแข้ง จากนั้นได้นำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย