จากกรณีนายมานพ มาลี อายุ 58 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีขาว ทะเบียน กต 9273 บุรีรัมย์ พุ่งชนประตูสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ แล้วพยายามใช้น้ำมันที่เตรียมไว้ 5 แกลลอน จุดไฟเผารถ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ช่วยดับเพลิงไว้ได้ทัน โดยนายมานพ ได้รับบาดเจ็บถูกหามส่ง รพ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นตำรวจได้สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากความเครียดเกี่ยวกับที่ดิน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ก่อเหตุ ที่ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พบนางเสาร์ ยอดมงคุณ อายุ 64 ปี พี่สาวนายมานพ เล่าถึงความเครียดของน้องชายว่า น้องชายเคยไปซื้อรถที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง ที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โดยเจ้าของเต็นท์ ให้เอาโฉนดไปค้ำประกันไว้ก่อน แล้วเอารถมาทดลองขับ หากไม่พอใจให้เอาไปคืนได้ จากนั้นน้องชายได้เอารถไปคืน เพราะเกรงว่าจะส่งค่างวดไม่ไหว เมื่อทวงถามโฉนดที่ดินที่เอาไปค้ำไว้ เจ้าของเต็นท์กลับบ่ายเบี่ยง อ้างว่าอยู่ระหว่างเอากลับคืน
นางเสาร์ กล่าวว่า แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไป มีคนเอาป้ายไปติดไว้บนที่นา 6 ไร่ ของน้องชาย โดยประกาศขาย 800,000 บาท จึงเริ่มวิ่งเต้นหลายทางเพื่อต้องการเอาที่นาของตนคืน แต่ไม่สำเร็จ เพราะเจ้าของเต็นท์รถไม่ยอม จากนั้นได้เดินทางไปร้องทุกข์กับหน่วยงานที่คิดว่าจะช่วยได้ แต่สุดท้ายมีคนแนะนำให้ไปสมัครเป็นสมาชิก สำนักงานตรวจสอบอำนาจรัฐ (สตร.) สำนักงานตั้งอยู่ที่ ต.ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี โดยกลุ่มนี้อ้างว่า สามารถติดต่อช่วยได้ทุกเรื่อง
ด้านนายหนา มาลี อายุ 66 ปี พี่ชายนายมานพ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นน้องชายไปสมัครเป็น สตร. มีชุดใส่คล้ายกับตำรวจ โดยคนในกลุ่มอ้างว่า ใส่แล้วตำรวจไม่จับ เสียค่าสมัคร 1,500 บาท ค่าเครื่องแต่งกายอีก 2,500 บาท ตอนนั้นมีชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิกเป็นจำนวนมาก ต่อมาน้องชาย ได้ไปติดต่อ สตร. เพื่อให้หาทางช่วยเหลือที่ดินที่กำลังถูกบังคับคดีขาย ปรากฏว่าถูกเรียกเอาเงินอีกจำนวน 400,000 บาท น้องชายก็หาให้ แต่เรื่องไม่เดินไปถึงไหน เมื่อพยายามทวงถาม กลับถูกเรียกเงินอีกครั้งละ 3,000-5,000 บาท เรื่อยมา สุดท้ายกลายเป็นถูกหลอก ซึ่งเคยไปร้องทุกข์ที่ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์มาแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
นายหนา กล่าวต่อว่า เห็นน้องชายเครียดเรื่องที่ดินถูกบังคับคดีขายมานาน จนกระทั่งระยะหลังบอกว่า จะฆ่าตัวตาย ที่หน้าศาลากลาง หรือจุดใดจุดหนึ่ง โดยไม่คาดคิดว่า จะไปก่อเหตุที่สำนักงานกรมบังคับคดีดังกล่าว
