เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการขยายผลหาความเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ว่า วานนี้ตำรวจออกหมายเรียกบุคคลใกล้ชิดนายตู้ห่าวเพิ่มเติม 3 คน ประกอบด้วย นางพัชรินทร์, นางสุชาดา และ อดีตนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่ชายของนางพัชรินทร์ซึ่งทั้ง 3 คน ตำรวจมีข้อมูลว่า ร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าว เป็นประธาน

ทั้งนี้ จากแนวทางสืบสวนเชื่อว่าทั้งสามคนมีความเกี่ยวข้อง อีกทั้งจะพบทรัพย์สินอีกจำนวนมาก เนื่องจากชุดจับกุมตั้งข้อสังเกตว่า เงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ มีเพียงแค่ 1 แสนบาท เป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่นี้ โดยในเบื้องต้นทาง นางพัชรินทร์ ได้ประสานขอเข้าให้ปากคำในวันอังคารที่ 6 ธ.ค. ส่วนอีกสองรายอยู่ระหว่างการติดต่อประสานขอเข้าให้ปากคำ โดยในวันนี้เวลา 17.00 น. ตนได้เรียกชุดทำงานทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวนมาประชุมหาความคืบหน้าการขยายผลจากการเข้าตรวจค้นกว่า 34 จุด ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมดูภาพรวมของทางคดีทั้งหมด ทั้งนี้ หากพบว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะต้องเรียกมาสอบปากคำ หากพบว่าเอี่ยวการกระทำผิดต้องดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้สั่งการให้ชุดสืบสวนขยายผลจากการจับกุมจากกรณีวานนี้ ในเรื่องของการสวมบัตรประชาชนคนไทยเพื่อทำนิติกรรมและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และทำสถานศึกษาเพื่อเอื้อต่อการทำวีซ่า โดยให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หลังพบมีชาวต่างชาติที่ใช้ช่องทางผิดกฎหมายในการสวมบัตรคนไทยเพื่อมาทำนิติกรรมและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมเปิดตัว “นายหน้า” ในการหาสถานศึกษาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติในการใช้เป็นหลักฐานในการขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรไทย ซึ่งในประเด็นนี้เตรียมเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่ต้องทำหน้าที่เป็นปราการด่านสำคัญในการตรวจสอบบุคคลที่จะเข้ามาในประเทศไทย หรือจะขออนุญาตอยู่ต่อในประเทศ จะต้องคัดกรองอนุญาตให้คนดีเข้ามา และคัดคนไม่ดีออกจากราชอาณาจักร หากพบการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว หรือปล่อยปละละเลยอีก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่รัฐ จะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด นอกจากเตรียมเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นเข้าเมืองแล้ว ชุดสืบสวนเตรียมเอาผิดมูลนิธิ สถานศึกษา ตลอดจนโรงเรียนนานาชาติ ที่ปล่อยปละละเลย ทำเอกสารรับรองให้กลุ่มทุนจีน หรือชาวต่างชาติผิดวัตถุประสงค์ เพื่อนำไปใช้ในการทำวีซ่าอยู่ในไทย.