จากกรณีตำรวจเรียกให้ นางพัชรินทร์ และ น.ส.หลิน ที่มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท โดยมี “ตู้ห่าว” เป็นประธานกรรมการ เพื่อเข้าชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดี ที่สโมสรตำรวจตั้งแต่ช่วงเวลา11.00 น.ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี นางพัชรินทร์ พร้อม นายทวีศักดิ์ บุญธรรม ทนายความ ภายหลังการเข้าให้ปากคำ กว่า 9 ชั่วโมง ทนายทวีศักดิ์ เปิดเผยว่า ยืนยันว่า นางพัชรินทร์ ไม่ได้หนีไปไหน ยังใช้ชีวิตปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเข้าไปให้ปากคำมาแล้ว 1 ครั้ง เพียงแต่ไม่ได้เจอนักข่าวเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของเส้นทางการเงินและเป็นหุ้นส่วนกับนายตู้ห่าวนั้นเน้นหนักไปที่เรื่องของโรงแรม ที่นำมาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ มีการเตรียมหลักฐานว่ากู้ยืมเงินธนาคารมาจำนวน 500 ล้าน และที่ดินในการสร้างโรงแรมก็เป็นของแม่นางพัชรินทร์ นางพัชรินทร์เป็นผู้ถือหุ้นและมีอำนาจต่างๆของโรงแรม ในส่วนของเส้นทางการเงินนั้นมีเพียงการกู้เงินธนาคารมา หรือบริษัทมีเพียงเฉพาะหนี้สินเท่านั้น

นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องธุรกิจนั้นมีการยืมกรรมการชื่อผู้ถือหุ้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งข่าวที่ออกไปตัดออกเป็นบางช่วง ส่วนเรื่องการ มอบอำนาจไป โอนที่ดิน ก็เป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ โดยนางพัชรินทร์อาจเป็นนายหน้าหรือกรรมการร่วมหรือผู้รับมอบอำนาจก็เป็นได้ ส่วนของผับจินหลินนั้นยืนยันว่านางพัชรรินทร์ ไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น และเรื่องความสัมพันธ์เป็นเพียงการร่วมกันทำธุรกิจกับนายตู้ห่าว และรู้จักกันมาประมาณ 10 กว่าปีแต่เพิ่งมาร่วมธุรกิจกันได้เพียงไม่กี่ปี แต่ยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวใดๆทั้งสิ้น ซึ่งธุรกิจโรงแรมกับทัวร์ก็อยู่คู่กัน

ซึ่งภายหลังการให้สัมภาษณ์นางพัชรินทร์ได้เดินมุ่งหน้าขึ้นรถยนต์ส่วนตัวกับ โดยไม่ตอบคำถามใดๆกับสื่อมวลชนที่รอการสัมภาษณ์