เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ กระทรวงยุติธรรม นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พร้อมด้วย น.ส.ปัทมา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้เสียหาย หลังจากถูกนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี อดีตแฟนหนุ่ม ทำร้ายร่างกาย ต่อยและเตะใบหน้าจนบวมช้ำและตาแตก เนื่องจากพยายามง้อขอคืนดีแต่ไม่สำเร็จ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กับกระทรวงยุติธรรม โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯ รมว.ยุติธรรม เป็นตัวแทนรับเรื่อง เพื่อประสานไปยัง พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ขอติดตามเร่งรัดการทำสำนวนคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากได้แจ้งความร้องทุกข์ไปตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. จนผ่านไปนาน 8 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้า ยังอยู่ในชั้นตำรวจ โดยตำรวจได้แจ้งว่า ต้องส่งตรวจลายนิ้วมือของผู้ต้องหาเป็นรอบที่ 3 เนื่องจากลายนิ้วมือที่ส่งตรวจสองรอบไม่ชัดเจน จึงทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหาใหม่และต้องรอผลอีกประมาณ 1 เดือน ทำให้ผู้เสียหายกังวลในเรื่องคดี

เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.เอ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 65 ตนถูกทำร้ายร่างกายในบริเวณบ้านพักตัวเอง ผู้ก่อเหตุได้เตะเข้าที่เบ้าตาและใบหน้า จนเลือดออกจมูกและปาก และเมื่อล้มลงก็ยังเตะซ้ำเข้าใบหน้าอีก แต่น้องสาวได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือทัน จากนั้นตนก็ได้ไปตรวจร่างกาย เพื่อขอใบรับรองแพทย์สำหรับใช้แจ้งความ แต่ปรากฏว่า ตำรวจได้ให้ลงบันทึกประจำวันแทนการแจ้งความ คือ รับเรื่องแต่ไม่ได้รับแจ้ง ต่อมาวันรุ่งขึ้น ตนทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาที่บ้านตนอีกครั้ง แต่ตนไม่ทราบ เหมือนเขาตั้งใจมาเก็บร่องรอยพยานหลักฐานต่างๆ ให้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการถูกทำร้ายร่างกายในวันนั้น ตนยอมรับว่าได้ป้องกันตัวเองโดยใช้วัสดุแข็งฟาดกลับไปที่ผู้ก่อเหตุเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เมื่อผ่านไป 7 วัน ผู้ก่อเหตุยังได้บุกมาที่บ้านอีกครั้งเพื่อขอไกล่เกลี่ยพูดคุย เเต่ตนไม่คุย โดยบอกให้เขากลับไป แล้วรอเจอกันที่ศาลทีเดียว จากนั้นตนจึงไปที่ สภ.บ้านโป่ง อีกครั้ง เพื่อจะแจ้งความในข้อหาบุกรุก แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความซ้อน ตนจึงให้น้องสาวที่มีนามเป็นเจ้าของบ้าน เป็นผู้แจ้งแทน

น.ส.เอ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุไม่เคยมีพฤติกรรมกระทำรุนแรงกับตน ไม่เคยทำร้ายร่างกายกันมาก่อน แต่ทราบเพียงแค่ว่า เขาเคยทำร้ายร่างกายแฟนเก่าเท่านั้น ทั้งนี้ มูลเหตุที่เขาทำร้ายร่างกายตน เกิดมาจากภายหลังที่ตนได้ตัดสินใจบอกเลิกไป เขาก็มีความพยายามติดตามง้อ แต่ตนไม่กลับไป ทำให้การที่ตนกลับบ้านช้า เขาเกิดความไม่พอใจ หึงหวง จึงลงมือทำร้ายร่างกาย ซึ่งตนมองว่าเขาไม่มีสิทธิกระทำเช่นนั้น เพราะความสัมพันธ์จบลงไปแล้ว เราต่างไม่มีสิทธิก้าวก่ายกัน

ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายเคลือบแคลงสงสัยในสำนวนคดีนั้น น.ส.เอ กล่าวว่า เหตุใดตำรวจจึงพิมพ์ลายนิ้วมือถึงสามครั้ง และยังมีการระบุว่า ได้ส่งลายนิ้วมือครั้งแรกของผู้ต้องหาไปแล้ว แต่ไม่ชัด และรอบที่สองก็ยังคงไม่ชัด จึงต้องส่งลายนิ้วมือไปครั้งที่สาม ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างรอผลตรวจลายนิ้วมือรอบสาม เท่ากับว่ายังไม่พิมพ์สำนวน

น.ส.เอ ยังกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุรู้จักกับตำรวจในพื้นที่ ด้วยความที่เขาและเราต่างก็เป็นคนบ้านโป่งทั้งคู่ ตนจึงคิดว่าอาจมีการช่วยเหลือกันได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็เคยไปร้องทุกข์ตามหน่วยงานต่างๆ ศูนย์ดำรงธรรมบ้านโป่ง รวมถึงส่งหนังสือถึงรองผู้กำกับการ สภ.บ้านโป่ง แต่ทั้งหมดก็ยังเงียบ ไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กับพี่กัน จอมพลัง เพื่อขอให้ช่วยเหลือ

ด้านกัน จอมพลัง ระบุว่า ตนมองว่าเวลา 8 เดือน มันนานเกินไป และล่าสุดตนประสานสอบถามไปที่ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ทราบว่า สาเหตุที่ต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาถึง 3 ครั้ง เป็นเพราะผู้ต้องหาทำงานบรรจุผงชูรสลงกระสอบ ทำให้ลายนิ้วมือส่งไปก็ถูกตีกลับ แต่ทาง ผกก.สภ.บ้านโป่ง ได้ยืนยันกับตนแล้วว่า ภายในสามวันจะส่งฟ้องอัยการให้ได้ ตนจึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมช่วยติดตามเร่งรัดคดี เพราะมาที่นี่จบทุกเคส

ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า ตนได้ประสานไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เรียบร้อยแล้ว และหากมีความบกพร่องในการปฏิบัติงานเรื่องตรวจลายนิ้วมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อไป ส่วนเรื่องความไม่ปลอดภัยของผู้เสียหายนั้น ตนจะดูแลเรื่องการคุ้มครองพยานให้ด้วย อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องนี้และจะเร่งติดตามให้ เพื่อให้ตำรวจเร่งทำสำนวนให้เสร็จ ส่วนเรื่องผลตรวจลายนิ้วมือรอบที่ 3 คาดว่าผลตรวจจะออกอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ ยืนยันว่า มาที่กระทรวงยุติธรรม จบทุกเรื่องแน่นอน ทั้งนี้ การเยียวยาความเสียหายในกรณีที่เป็นการทำร้ายร่างกาย หากผู้เสียหายได้รับการเข้ารักษาเกิน 20 วัน ก็จะกลายเป็นการทำร้ายร่างกายสาหัส และจะส่งเรื่องพิจารณาค่ารักษาพยาบาลต่อไป.