เรียกได้ว่ากลายเป็นเด็นดราม่าเดือดบนโลกออนไลน์ขึ้นมาอีก ภายหลังแร็พเปอร์ชื่อดัง ดนุภา คณาธีรกุล หรือ มิลลิ ที่เคยออกมาโวย ถึงเรื่องการสอบมิดเทอมที่ผ่านมา แต่กลับไม่มีคะแนนปรากฏ โดยอาจารย์แจ้งว่าเป็นความผิดพลาดของระบบ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ซึ่งต่อมาแร็พเปอร์สาวสุดดังได้สิทธิสอบใหม่ ทำให้ชาวเน็ตบางส่วนไม่พอใจเพราะมองว่าได้สิทธิพิเศษแตกต่างกว่าคนอื่นจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงผ่าแฮชแท็ก #มิลลิ จนกลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

‘มิลลิ’ เตรียมแจงได้สิทธิสอบใหม่ ปมโดนทัวร์ลงได้สิทธิพิเศษแตกต่างกว่าคนอื่น

ความคืบหน้าล่าสุด มิลลิ ได้ออกมาทวีตข้อความชี้แจงประเด็นกล่าว โดยระบุข้อความว่า “ขออนุญาตทุกท่านชี้แจงประเด็นเรื่องคะแนนสอบ / late exam / อาจารย์ผู้สอนที่ถูกกล่าวถึง จากโพสต์ทวิตเตอร์ของหนู เรื่องคะแนนสอบหายจนเกิดผลกระทบอย่างหนัก คือเรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ ขอเล่าเหตุการณ์นะคะ ยาวหน่อยนะคะ เพื่อความละเอียด

วันที่ 29 ก.ค. 64 คือวันที่น้องได้ทำการสอบกลางภาคในวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งในการสอบครั้งนี้ ประกอบไปด้วยหลายส่วน เป็นทั้งพาร์ทข้อเขียนที่สอบในระบบ Microsoft Teams และพาร์ทข้อช้อยส์ที่สอบในเว็บไซต์ LMS ของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งน้องยืนยันว่าได้ทำไปครบทุกพาร์ท

แต่ในวันประกาศคะแนนสอบ (10 ส.ค.) อาจารย์บอกว่าหนูเนี่ยไม่มีคะแนน ก็ค่อนข้างเหวอเลยทีเดียว และด้วยการสื่อสารที่ผิดพลาด+ใช้อารมณ์เป็นหลัก หนูจึงโพสต์พาดพิงอาจารย์ลงทวิตไปในทันที โดยที่ยังไม่ได้สืบหาข้อเท็จจริงก่อนเลยด้วยซ้ำ ทำให้อาจารย์ท่านนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียงและรู้สึกไม่ดี หนูต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะคะ

1. การยื่นขอ late exam หลังจากทราบเรื่องคะแนนหาย หนูเลยรีบไปปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา (ซึ่งเป็นคณบดีของคณะหนูเอง) ว่าจะสามารถตรวจสอบยังไงได้บ้าง อาจารย์เลยช่วยประสานกับทางพี่เจ้าหน้าที่คณะเพื่อสอบถามไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อถามหาสาเหตุที่ไม่พบคะแนนในพาร์ทนั้น

และเสนอว่าลองยื่นเรื่องพิจารณา Late Exam มั้ย ซึ่งวันนั้นที่คุยกันเป็นวันที่สามารถยื่นเรื่องพิจารณา Late Exam ได้เป็นวันสุดท้ายพอดี หนูเลยตัดสินใจจะลองยื่นเรื่องไปก่อน ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงเกี่ยวกับคะแนนสอบของตัวเอง โดยอาจารย์ได้ให้คำปรึกษาในทุกๆ กระบวนการว่า

ว่าจะต้องเขียนคำร้องผ่านระบบออนไลน์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีให้เลือกหัวข้อสาเหตุในการยื่นเรื่อง โดยหนูเลือกหัวข้อที่ 4 “กรณีอื่นๆ”  และได้แนบหลักฐานที่สามารถยืนยันว่าตัวเราเข้าสอบจริงๆ ประกอบไปด้วย 1.วิดีโอที่บันทึกภาพหนูขณะที่กำลังทำการสอบ (วิดีโอตัวนี้เราสามารถเข้าไปเซฟหรือ

ดูย้อนหลังได้ใน Microsoft Teams ขึ้นอยู่กับว่ามีใครกด record เอาไว้หรือไม่นะคะ) ซึ่งครั้งนี้อาจารย์คุมสอบได้ทำการบันทึกวิดีโอเอาไว้ใน Microsoft Teams และ 2.ส่งประวัติการใช้งานจากเบราว์เซอร์ Safari ที่แสดงถึงการเข้าไปทำข้อสอบผ่านทางเว็บไซต์ LMS ทั้งหมด 23 หน้าบนระบบในวันสอบนั้น

โดยอาจารย์บอกเพิ่มเติมว่า การยื่นขอ Late Exam จะต้องมีการพิจารณาขึ้นอยู่กับหลักฐานของ นศ.+การพิจารณาจากมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่รับประกันว่าจะได้หรือไม่ (เมื่อวันที่ 16 ส.ค. รายชื่อผู้ได้รับ late exam ถูกประกาศผ่านเว็บไซต์แต่ตัวหนูเองไม่ได้เช็กให้ดีก่อนวันนี้หนูเลยทวิตบอกว่ายังไม่ได้ค่ะ)

2. การหาข้อเท็จจริงและผลลัพธ์เรื่องคะแนนหาย

– บ่ายวันนั้นที่รู้เรื่องคะแนนหาย (10 ส.ค.) หลังจากได้รับการประสานจากมหาวิทยาลัยผ่านทางอาจารย์ที่ปรึกษา เรื่องสาเหตุที่คะแนนหายไป เบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยได้เช็กระบบอีกรอบแล้วว่า ไม่มีคะแนนสอบหนูในระบบจริงๆ ทางมหาวิทยาลัยก็เลยถามเพิ่มว่า

“หนูได้ไปใช้คอมของคนอื่นในการทำข้อสอบหรือเปล่า หรืออาจจะไปล็อกอินเป็นชื่อของคนอื่นมั้ย” แต่หนูยืนยันว่าใช้โน้ตบุ๊กของตัวเองอย่างแน่นอน เลยทำให้หนูเอะใจขึ้นมาเพราะนึกได้ว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อนของหนูเคยขอยืมโน้ตบุ๊กไปใช้ล็อกอินในเว็บไซต์ LMS เช่นเดียวกัน ก็อาจจะ

เป็นไปได้ว่าบัญชีของเพื่อนถูกล็อกอินค้างไว้ในโน้ตบุ๊คของหนู เพราะหลังจากสอบพาร์ทแรกเสร็จ ก็เปลี่ยนมาเข้าลิงก์เพื่อทำข้อสอบใน LMS หนูล็อกอินเข้าเว็บไซต์โดยการสแกนนิ้วไปเลยด้วยความเคยชิน โดยไม่ได้เช็กให้รอบคอบก่อนว่าเป็น ID ของหนูหรือไม่ เพราะคิดว่ามันคือ user ของเราที่เคยเซฟไว้

โน้ตบุ๊กหนูคือ MacBook Pro 13 ซึ่งมีระบบ Finger Scan ที่จดจำ username&password ที่เราเคยล็อกอินเอาไว้ก่อนหน้านี้ จริงๆ หนูก็เคยล็อกอิน user หนูไว้แล้วและเซฟ password เพื่อที่จะ scan นิ้วในรอบต่อไป แต่พอเพื่อนเอาไปใช้ เขาก็เซฟ password ไว้เช่นเดียวกัน โน้ตบุ๊กก็เลยจำ user ของเพื่อนแทน

หนูจึงได้แจ้งชื่อและ ID ของเพื่อนที่หนูสงสัยให้กับทางมหาลัยวิทยาลัย เพื่อเอาไปตรวจสอบอีกรอบ ซึ่งปรากฏว่าคะแนนสอบพาร์ทช้อยส์ทั้งหมดได้ถูกทำบนบัญชีที่เป็นชื่อของเพื่อน ซึ่งเพื่อนคนนี้ลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่คนละ section และเขาไม่ได้เข้าสอบในครั้งนี้ เพราะว่าเขา

ใช้คะแนน IELTS ยื่นขอเทียบเกรดไปแล้ว และเพราะว่าไม่มีคนเข้าสอบ หนูเลยสามารถทำข้อสอบอันนี้ได้โดยทำในชื่อบัญชีของเพื่อน เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยจึงพบแต่คะแนนในพาร์ทช้อยส์ที่หนูทำ ส่วนพาร์ทอื่นๆ ของเพื่อนก็ว่างเปล่า เนื่องจากเขาไม่ได้เข้าสอบอยู่แล้ว ทำให้คะแนนในส่วนนี้เป็นโมฆะไป

ขอชี้แจงเพิ่มเติม จากที่หนูไลฟ์ไปเมื่อวันที่ 11 ส.ค. คือตอนนั้นรู้แล้วว่าคะแนนหายไปได้ยังไง แต่ยังไม่ได้รับการตัดสินว่าจะได้ late exam นะคะ แต่ด้วยความใจร้อนของหนูตอนนั้นอีกนั่นแหละที่อยากอธิบาย เพราะอาจารย์โดนถล่มเยอะมาก เลยอยากออกมาบอกว่าเป็นความผิดของหนูเองค่ะ ไม่ใช่ใครเลย

รวมถึงมีการพูดไปว่าได้ late exam แล้ว ซึ่งหนูพูดไม่เคลียร์เองค่ะ และตอนนั้นก็ถูกคนอื่นเข้าใจไปแล้วว่าได้สอบใหม่ ตรงนี้หนูผิดเองจริงๆค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ

3. การโพสต์ข้อความโดยใช้อารมณ์และไม่ไตร่ตรอง จนทำให้อาจารย์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

– หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดและได้รับข้อมูลทุกอย่าง รู้สึกว่าเรื่องที่ทำลงไปได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออาจารย์ ช่วงสัปดาห์ที่แล้วหนูเลยรีบติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขอนัดพบอาจารย์ท่านนั้น

เพื่อพูดคุยและขอโทษถึงเรื่องที่เกิดขึ้นซึ่งอาจารย์ท่านว่างและรับนัดเป็นวันศุกร์ที่จะถึงนี้ และตอนสองทุ่มน้องคิดเอาไว้แต่แรกว่าหลังพบอาจารย์แล้ว ก็อยากจะคุยกับหลายท่านที่อาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่และต้องการรับฟังคำอธิบายจากน้อง เพราะว่าจะได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างครบถ้วนค่ะ(จบ)”..

ขอบคุณภาพประกอบ : phuckitol