เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยถึงการทำงานและความคืบหน้าคดีตู้ห่าว ว่า วันนี้ตนได้มอบหมายให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน ที่มีทั้ง ป.ป.ส. ดีเอสไอ และตำรวจที่ทำหน้าที่ตรวจสอบกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดของนายตู้ห่าว ได้เชิญนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ในฐานะพยานผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งเป็นไปตามอำนาจเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 11/1(9)

นายวิชัย เผยว่า จากการสอบถามนั้น นายชูวิทย์ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมากลุ่มของนายตู้ห่าว พฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งให้ข้อมูลผู้ถือครองทรัพย์สินแทนนายตู้ห่าว กลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลทรัพย์สินเพิ่มเติมว่า ยังมีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่อยากให้เข้าไปตรวจสอบจำนวน 19 แปลง มูลค่าประมาณ 415 ล้านบาท ถ้ารวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้มีการดำเนินการออกคำสั่งตรวจสอบฯ ทั้งจากปฏิบัติการตรวจค้น 34 จุด ในพื้นที่ 8 จังหวัด และบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา และผู้มีทรัพย์สินเกี่ยวข้องเพิ่มเติม จะรวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 1,223.4 ล้านบาท

ซึ่งก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้มีการแถลงข่าวให้เร่งดำเนินการในคดีนี้ เพื่อเป็นคดีตัวอย่างต่อประชาชนในการร่วมกันเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสยาเสพติด โดยหลังจากนี้ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. จะเร่งดำเนินการจัดทำบันทึกปากคำเพื่อใช้ประกอบสำนวนในการตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่มเครือข่ายของนายตู้ห่าวและเมื่อตรวจสอบแล้ว จะเร่งดำเนินการติดตามค้นหาตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สินของกลุ่มเครือข่ายนายตู้ห่าวเพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเข้าให้ปากคำในฐานะพยานผู้แจ้งเบาะแสในวันนี้นั้น นายชูวิทย์ได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ตั้งแต่เวลา 16.30-19.30 น. ซึ่งเป็นเวลาภายหลังเสร็จสิ้นจากที่นายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดรายละเอียดข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่างสำนักงาน ปปง. และคดีตู้ห่าว