เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านนิคม หมู่ 19 ต.บ่อแก้ว อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ หลังมีกระแสบนโซเชียลว่า มีสองตายายเดือดร้อนถูกญาตินำโฉนดที่ดินมรดกไปจำนองหลายรอบและขายในที่สุด จนถูกไล่ออกจากที่ดิน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบ้านดังกล่าว เป็นบ้านไม้สูงสองชั้น มีใต้ถุนโล่ง พบสองตายายนั่งอยู่ภายในบ้าน ทราบชื่อคือ นายบุญสอน หรือคุณตาบุญสอน กาทอง อายุ 67 ปี และนางสว่าง กาทอง อายุ 69 ปี โดยพบว่าคุณตาบุญสอน เคยไปออกรายการทีวีเมื่อหลายปีก่อน

คุณตาบุญสอน เปิดเผยว่า ตนมีพี่น้องรวม 5 คน มีลูกทั้งหมด 4 คน เสียชีวิตแล้ว 2 คน และยังมีชีวิตอยู่ 2 คน ปัจจุบันประกอบอาชีพทำนา รับจ้างทั่วไป ตอนนี้ตนได้รับความเดือดร้อน หลังถูกนายทุนไล่ที่อยู่ที่ทำกิน เนื่องจากมีญาติพี่น้องของตนคนหนึ่ง แอบนำโฉนดที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของตนและของพี่น้องคนอื่นรวมกว่า 23 ไร่ ไปจำนำกับนายทุนหลายรอบ และขาย โดยที่ไม่มีใครรู้ ล่าสุดมีหนังสือออกมาไล่ที่ให้ตนขนย้ายข้าวของออกจากที่ดินภายในวันที่ 30 ม.ค.66 ทำให้ตอนนี้ทุกคนหนักใจมากไม่รู้จะทำยังไง จะไปอาศัยอยู่ที่ไหน และจะต่อสู้เอาที่ดินคืนมาได้ยังไง วอนหน่วยงานภาครัฐช่วยด้วย

ขณะที่ 1 ในลูกชายของคุณตาบุญสอน เล่าว่า เดิมทีโฉนดดังกล่าวเป็นโฉนดใบเดียวเนื้อที่ 23 ไร่ และเป็นที่ดินตั้งแต่พ่อแม่ ปู่ย่าย ตายาย อาศัยและใช้ทำกินมายาวนานกว่า 50 ปี พอปู่ย่า ตายาย เสียชีวิตลง ก็ถือเป็นที่ดินมรดกที่ควรจะแบ่งให้ญาติพี่น้องเท่าๆ กัน เพื่อนำไปทำอยู่ ทำกิน แต่ที่ผ่านมาปรากฏว่ามีญาติคนหนึ่ง ได้เป็นผู้จัดการมรดก แต่ไม่ยอมจัดการแบ่งที่ดินให้แล้วเสร็จ กลับนำที่ดินดังกล่าวไปขายเอาเงินไปใช้เองทั้งหมด ทำให้พี่น้อง ลูกหลาน ต่างพากันเดือดร้อน ไม่มีที่อยู่อาศัย แล้วอนาคตต่อไป จะอยู่กันยังไง ให้ไปอยู่ที่ไหน หรือจะให้อยู่ข้างถนน

โดยเบื้องต้นหลังถูกไล่ที่พวกตนพยายามไปติดตามสอบถามกับญาติคนดังกล่าว ตอนแรกก็ไม่ยอมตอบว่านำโฉนดที่ดินไปขายที่ไหน แต่ถามไปถามมาก็บอกว่าไปขายให้ใคร พอตนไปสอบถามกับนายทุนที่รับซื้อโฉนด ก็ได้คำตอบมาว่า โฉนดดังกล่าวถูกขายทอดตลาดไปต่อแล้ว โดยไม่รู้ว่าตอนนี้โฉนดไปตกอยู่กับใคร ทั้งนี้ อยากวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยดูแลทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย หรือ เรื่องทางคดีด้วย เพราะตนไม่รู้จริงๆ ว่าจะเดินเรื่องไปแบบไหนถึงจะได้ที่อยู่อาศัย และที่ทำกินกลับคืนมา

ด้าน นายสลวย แก้วมณีย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 19 ต.บ่อแก้ว กล่าวว่า ปัจจุบันฐานะครอบครัวของสองตายาย ถือว่ายากจน เงินที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันส่วนมากได้จากเบี้ยยังชีวิตผู้สูงอายุ ส่วนความเดือดร้อนดังกล่าว ตนในฐานะผู้นำหมู่บ้านได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของครอบครัวดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเคยเข้าไปพูดคุยกับคนที่นำโฉนดที่ดินไปขายแล้ว แต่ได้คำตอบมาว่า “ก็แล้วแต่จะพากันวิ่งเต้นเอา เพราะเขาไม่มีเงินที่จะไปไถ่ถอนแล้ว” ส่วนตัวตนก็ไม่รู้จะเข้ามาช่วยอะไรได้บ้าง แต่สิ่งที่จะช่วยในตอนนี้ คือ ได้คุยกับทาง อบต. ถึงความเดือดร้อนของสองตายายแล้ว ตอนนี้ตนกับทาง อบต. กำลังเตรียมหาที่พักชั่วคราวให้กับสองตายาย ได้พักอาศัยไปก่อน ส่วนเรืองคดีความคงต้องอาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีความรู้ เข้ามาช่วยเหลือสองตายายต่อไป.