เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ทศพล กิติลาภ พ.ต.ต.ศรายุทธ จันทรซิว พ.ต.ต.ธนาคาร อุชณรัศมี สว.กก.6 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายหัตถพงษ์ หรือปืน เบ้าสุด อายุ 30 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดเวียงสระที่ 117/2559 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 59 ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ได้ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อปี 59 ได้มีคนร้าย 3 ราย บุกใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายเปีย (สงวนนามสกุล) ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 113 หมู่ 3 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี แต่กระสุนเกิดพลาดเป้า ถูก นางมะลิวัล (สงวนนามสกุล) และ ด.ญ.จุฑาทิพย์ (สงวนนามสกุล) ภรรยาและบุตรสาวเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนทราบว่า หนึ่งในกลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ คือนายหัตถพงษ์ ผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากพยานที่เห็นเหตุการณ์ สามารถจดจำรูปพรรณนายหัตถพงษ์ ได้ เพราะเป็นนักกีฬายิงปืนเป้าบินระดับประเทศ และพักอาศัยอยู่ใกล้เคียง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ พร้อมกับตามจับกุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุ รวมถึงตัวผู้จ้างวาน ได้จนเกือบครบ คงเหลือ นายหัตถพงษ์ ผู้ต้องหารายนี้ ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทราบว่า นายหัตถพงษ์ ได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวน นายหัตถพงษ์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยอมรับว่า ช่วงเช้าวันเกิดเหตุ ไปนั่งที่ขนำของนายเอ็ม ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ก่อนจะได้ยินนายเอ็ม ว่าจ้างนายเสริฐ เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท ให้ไปยิง นายเปีย สามีของผู้ตาย เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกันเรื่องซื้อขายใบพืชกระท่อม จากนั้นนายเสริฐ จึงมาพยายามชักชวนตนไปร่วมก่อเหตุ แต่ไม่สำเร็จ ทำให้นายเสริฐไปชักชวนนายเบียร์ ร่วมก่อเหตุดังกล่าว

นอกจากนี้ นายหัตถพงษ์ ยังอ้างว่า หากตนทำจริง คงไม่มียิงพลาดเป้าเช่นนี้แน่ เพราะเป็นนักกีฬาแม่นปืน เคยเข้าแข่งขันรายการระดับประเทศมากมายหลายรายการ ได้รางวัลชนะเลิศมาแล้วหลายถ้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เบื้องต้นนำตัวส่ง สภ.ชัยบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.