จากกรณีการบุกจับกุมบ้านพักหรูหลังหนึ่งในเขตพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ซึ่งพบว่ามีความเชื่อมโยงกับทุนจีนสีเทา จนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวร้อนฉ่าในสังคมอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น-จับกุม ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ 191 ได้ก่อเหตุเรียกรับผลประโยชน์รวมเกือบ 10 ล้านบาท พร้อมปล่อยตัวชาวจีนทั้งหมด จนหลบหนีออกนอกประเทศไปได้นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ม.ค. นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ตามปรากฏข้อเท็จจริงที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยได้นำหลักฐานการตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการยักยอกเงินของกลางและเรียกรับ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวชาวจีน 11 คน ที่จับกุมได้ในบ้าน จนเป็นเหตุให้มีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ 5 นาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องได้รับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เป็นกรณีมีมูลว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแล้วนั้น

ของกลางรอตรวจสอบ! ‘ดีเอสไอ’ แจงยิบปมค้นสถานที่พำนักกงสุลใหญ่นาอูรู

เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 57 (10) มาตรา 101, กฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ข้อ 78 และข้อ 81 โดยกรณีดังกล่าว เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ หากให้อยู่ในหน้าที่ราชการต่อไป จะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา และอาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ จึงเห็นควรพักราชการเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 นายไว้ก่อน.