สืบเนื่องจากกรณีที่นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพผ่านบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเป็นการระบุใจความว่า จะเดินทางออกนอกประเทศไปยังลอนดอน ประเทศอังกฤษ จำนวน 8-9 วัน ขณะที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ในวันที่ 26 ม.ค. นี้ นายพันธ์ธวัชเตรียมเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์คดียาเสพติด เพื่อชี้แจงและมอบรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน 39 รายการ จำนวน 1,090 ล้านบาท ที่ดีเอสไอได้เรียกขอไปนั้น 

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ได้รับการเปิดเผยจากคณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด ว่า การเดินทางออกนอกประเทศไทยของนายพันธ์ธวัชนั้น ไม่ได้มีการแจ้งมายังดีเอสไอแต่อย่างใด แต่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากในวันที่ 26 ม.ค. นี้ ที่นายพันธ์ธวัช นัดหมายจะเข้าชี้แจงเส้นทางการเงิน 39 รายการนั้น ยังไม่ใช่ขั้นตอนการสอบปากคำ เพราะการสอบปากคำในฐานะพยานได้เสร็จสิ้นไปแล้วตามที่เขาประสงค์ให้การเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก็คือจำนวนเงิน 53 ล้านบาทนั้น แต่ในวันที่ 26 ม.ค. นี้ เป็นเพียงการแจ้งให้นายพันธ์ธวัชนำเอกสารรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงิน 39 รายการ มามอบให้พนักงานสอบสวนเท่านั้น ซึ่งคาดว่านายพันธ์ธวัชอาจจะมอบหมายให้ทนายความเข้ามาแทน 

ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ คณะทำงานฯ อยู่ระหว่างพิจารณาพยานหลักฐานที่ได้รับมาเบื้องต้นทั้งหมดก่อน และต้องรอข้อมูล 39 เส้นทางเงินนี้เช่นเดียวกัน เพื่อประกอบการพิจารณาว่า หลังจากนี้จะเรียกนายพันธ์ธวัชมาสอบปากคำ หรือพิจารณาเรื่องข้อกล่าวหาใดๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เจ้าของเส้นเงินดังกล่าวจะเป็นบุคคลใดหรือนิติบุคคลใดบ้าง ทางคณะทำงานจะต้องรอดูหลักฐานที่นายพันธ์ธวัชจะนำมายื่นให้ก่อน จากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบว่า มีประวัติการโอน-รับเงิน หรือเบื้องหลังในแต่ละเส้นเงินอย่างไร

เมื่อถามว่า กรณีที่คณะทำงานฯ เดินไปทางพบและพูดคุยกับ พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างนั้น คณะทำงาน ระบุว่า เราได้มีการประชุมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และได้มีการพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องภายในสำนวนคดี จึงต้องขอละเว้นการเปิดเผย 

สำหรับการออกหมายเรียก 7 บุคคล ให้เข้ามาให้การในฐานะพยานก่อนหน้านี้นั้น คณะทำงานกล่าวว่า มีพยานเข้าให้การแล้วจำนวน 3 ราย ส่วนจำนวนที่เหลือจะมีการพิจารณาขอศาลออกหมายจับหรือไม่ จะต้องมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อร่วมกันพิจารณามีมติต่อไป.