เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอให้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงการทุจริตโกงข้อสอบ การเลื่อนตำแหน่ง C8 และขอให้ระงับคำสั่งแต่งตั้งที่สอบได้ไว้ก่อนโดยมีพยานหลักฐานชัดเจนและพยานบุคคล โดยมี นายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้นำพยานหลักฐานทั้งบุคคลและเอกสาร ซึ่งพบว่ามีการทุจริตนำข้อสอบเฉลยมาขายให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ราคาตั้งแต่ 1.5-2 ล้านบาท เพื่อสมัครสอบเลื่อนตำแหน่งซี 8 และมีการกลั่นแกล้งคนไม่จ่ายให้สอบตก จึงมาขอให้ พ.ต.ต.สุริยา ระงับคำสั่งที่แต่งตั้งที่สอบได้ไว้ก่อน นอกจากนี้ ยังมีพยานบุคคลที่ได้รับเฉลยข้อสอบก่อนวันสอบ 2 วันมาเป็นพยาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่แจกข้อสอบก่อน 2 วัน มาเป็นพยาน ซึ่งเป็นคนสนิทอดีตอธิบดีดีเอสไอคนก่อน และทำเป็นขบวนการ ส่วนเงินค่าเฉลยข้อสอบจ่ายผ่านรองอธิบดีดีเอสไอ

นายอัจฉริยะ เผยอีกว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เคยให้ตนเข้ามาเป็นคณะกรรมการร่วมตรวจสอบการทุจริตภายในองค์กรดีเอสไอกว่า 20 เรื่อง โดยตนจะไม่ร่วมเข้ามาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบแต่จะให้คนในดีเอสไอที่ซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ รักความยุติธรรม เป็นตัวแทนร่วมตรวจสอบ ส่วน พ.ต.ต.สุริยา อยู่หน่วยงานดีเอสไอมา 17 ปี และเป็นลูกหม้อที่นี่นั้น ตนมองว่าเป็นคนมีความตั้งใจทำงานและเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงดีเอสไอไปในทางที่ดีขึ้นได้

นายอัจฉริยะ เผยต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค.) ตนจะพาผู้หญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนจ่ายเงินซื้อเอกสารเฉลยข้อสอบดีเอสไอเข้าให้ปากคำกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากหญิงรายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีปล้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู และจะร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดรอง อธิบดีดีเอสไอ และ ผอ.กองคดีรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการรับเงินเฉลยข้อสอบในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายที่ซื้อข้อสอบนั้นสามารถเป็นพยานในคดีได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องเอาเงินคืนได้ เนื่องจากอยู่ในฐานะร่วมกันกระทำความผิด แต่จากหลักฐานที่มีเชื่อว่าสามารถเอาผิดบุคคลที่อยู่ในขบวนการได้ทั้งหมด

นายอัจฉริยะ ยังเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่ผู้หญิงดีเอสไอที่จะพาไปให้การกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในวันพรุ่งนี้นั้น เธอไม่ได้อยู่ในสายงานแต่สามารถสอบได้คะแนนอันดับที่หนึ่ง อีกทั้งยังเป็นคนสนิทของอดีตอธิบดีดีเอสไอด้วย นอกจากนี้ ยังมีความเกี่ยวข้องกับการทำเอกสารเข้าตรวจค้นบ้านพักของอดีตกงสุลนาอูรู จึงถือว่าเป็นบุคคลสำคัญและต้องดำเนินคดีเป็นคนแรกในขบวนการรับเงิน ขณะนี้ผู้จ่ายเงินซื้อเฉลยข้อสอบ 1 ราย พร้อมให้การยืนยันจะมาเป็นพยานในคดีว่าจ่ายเงินผ่านใครบ้าง ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าเมื่อยังไม่มีการรับรองผู้ที่สอบได้ ก็จะต้องเป็นผู้เสียหาย ซึ่งในบรรดาคนเหล่านี้ ก็มีคนที่กู้เงินมา แต่จะต้องได้รับความเดือดร้อน ก็จะมาเป็นพยานด้วยอย่างแน่นอน

“ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ทำเรื่องซิกแซกและส่งเรื่องให้กับอดีตอธิบดี ซึ่งต้องถือว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาเนื่องจากเอกสารยืนยันได้ว่าเป็นผู้เสนอเรื่องการขออนุมัติชุดเฉพาะกิจที่เข้าปล้นบ้านพักนาอูรู โดยพบว่าคดีนี้มีการเริ่มวางแผนตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 65 โดยนัดไปวางแผนกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยมีตำรวจของ 191 ร่วมด้วย หลังจากนั้นในวันที่10 ธ.ค. 65 ก็เข้าไปติดกล้องวงจรปิดหน้าบ้านเช่าสถานทูตนาอูรู โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไออนุมัติ จากนั้นวันที่ 13 ธ.ค. 66 ก็ได้มีการทำเรื่องขออนุมัติโดยเจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าว ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค. 65 อดีตอธิบดีดีเอสไอได้มีการออกหนังสืออีกฉบับหนึ่ง และมีการเข้าไปปล้นบ้านพักนาอูรูในวันที่ 22 ธ.ค. 65 ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะผูกมัดโดยพยานหลักฐานเอกสารโดยเฉพาะกรณีที่อดีตอธิบดียืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นนั้นซึ่งเป็นคำพูดที่ขัดแย้งกับ ผอ.ท็อป ที่ยืนยันว่า มีการรายงานให้อธิบดีฯ ทราบทุกขั้นตอน ซึ่งเรามีเอกสารทั้งหมด ดังนั้น อธิบดีจะต้องรับผิดชอบต่อคำพูด” นายอัจฉริยะ กล่าวอ้าง.