เมื่อวันที่ 10 ก.พ. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. เปิดเผยถึงกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ที่ระบุตนเองเดินทางไปฮ่องกง เพื่อเจรจากับ เบนซ์ เดม่อน ผู้ต้องหาคดีมาเก๊า888 ให้เดินทางกลับมามอบตัว เนื่องจากมีความสนิทสนมส่วนตัวกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี โดยยืนยันว่า ตนเองทราบข่าวแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะระหว่างที่ตกเป็นข่าว ตนเองยังคงนั่งทำงานอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกวัน ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ และไม่ได้ส่งผู้แทนคนไหนไป เพราะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงไม่มีหน้าที่ต้องไปเจรจา อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าตนนั้นทำงานอยู่ที่ประเทศไทย ก็เข้าใจว่ากระแสข่าวนั้นมีไปเรื่อย ซึ่งใครพูดอะไรไป เราต้องแสดงความจริงใจให้การทำงาน และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราเองก็ไปห้ามเขาไม่ได้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ในส่วนกรณีของรองสารวัตรไบร์ท ที่ยื่นใบลาออก ผู้บังคับบัญชาก็ได้อนุมัติให้ลาออก มีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ส่วนทางคดีเป็นส่วนของตำรวจไซเบอร์ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ยังกล่าวขอโทษถึงกรณีการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อนักข่าวสาวช่องหนึ่งถามว่า รองสารวัตรไบร์ทมีจุดเด่นหรือความสามารถอะไร ที่ท่านถูกใจ ถึงเลือกมาทำงาน ซึ่งพลตำรวจโทภาคภูมิภิภัทฒ์ ได้ถามกลับไปว่า “น้องมีสามีหรือเปล่า แล้วผู้ชายในฝันของน้องต้องมีจุดโดดเด่นแบบไหน” ซึ่งข้อความดังกล่าว เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลถึงความไม่เหมาะสมอย่างมากนั้น

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าวว่า ขอเรียนสื่อมวลชนว่าคือเราทำผิดเราก็รู้ตัว และผมก็ได้ไปขอโทษน้องผู้สื่อข่าวเพราะฉะนั้นกราบเรียนฝากไปยังสื่อ และทุกภาคส่วนของสังคมว่า บางคำพูดของผมมันไม่เหมาะสมแล้วทำให้เกิดกระแสเป็นไวรัลในติ๊กต็อก หรือช่องทางออนไลน์ ผมพร้อมรับคำตำหนิ น้อมรับมาเป็นบทเรียน ในการปรับปรุงคำพูดและบุคลิกให้มีความเหมาะสม ขอโทษด้วยความจริงใจ ด้วย คำพูดบางคำพูดอาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจตัวของน้องผู้สื่อข่าว ทำให้ทุกภาคส่วนมองผิดไป จึงขอโทษ ฝากไปยังสื่อด้วย ซึ่งน้อมรับคำติเตียนทั้งหมดไปเป็นบทเรียนและปรับปรุงตนเองต่อไป โดยยืนยันไม่มีเจตนา เพียงอยากสร้างบรรยากาศเป็นกันเอง และหลังเกิดเรื่องได้ขอโทษผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวแล้ว.