จากกรณีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา ได้เข้าทำการฉีดโบท็อกซ์ และฉีดกลูตาไธโอน จนชาวโลกออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 ก.พ.พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า การที่พระทำหน้าอัดฉีดหน้าใส ยังไม่ถึงขั้นปาราชิก ชาวโลกเขาติเตียน เพราะหลักของพระต้องปลงไม่ใช้ปรุงจิตใจหัดปลงซะบ้าง เพราะเนื้อหนังร่างกายไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน มันเป็นของผงเน่าเผาเสียในที่สุด พระต้องปลง ถ้าพระเณรไปปรุงทำหน้าตาใสขึ้น ฉีดขาว ฉีดหน้าฉีดอะไรเข้าไป มันเสียสมณะสารูป ไปเอารูปร่างสวย เพราะทำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องตรงข้ามกับพระพุทธเจ้าที่สอนในพระอุปัชฌาย์ พระเณรสงสัยลืมหมด คำที่พระอุปัชฌาย์บอกว่า เรามีเพศต่างจากฆราวาสแล้ว เราต้องเว้นต้องไปจากสิ่งที่เขาทำ หรือเราเคยกระทำ เว้นได้มากเท่าไหร่ ชาวบ้านเขาต้องไปแต่งหน้าตาเสียเงิน พระต้องมีแต่ได้เนื่องความสงบใจสบายใจ หน้าตาไม่สวยแต่จิตใจผ่องใส พอไปฉีดหน้าตาใสชาวบ้านก็สวดเอา ทำให้จิตใจไม่สวย ถูกตำหนิติเตียนจะสวยได้ไง คนจะงาม ๆ จิตใจใช่ใบหน้า คนจะสวย ๆ จรรยาใช่ตาหวาน คนจะแก่ ๆ ความรู้ใช่อยู่นาน คนจะรวย ๆ ศีลรวยทานไม่ใช่บ้านโต บ้านโตติดคุกเยอะแยะไป

“เราเป็นพระเป็นเณรอย่าแหกคอกนอกระบบ ชาวบ้านเขาต้องแต่งเติม ไปเกาหลีไปทำอะไรกันเสียเงินทอง บางคนทำก็เสียโฉม พระเณรถ้ามีปัญญาแบบสาวกของพระพุทธเจ้าจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ พวกนี้ ไม่ได้เรียนธรรมะให้เรืองปัญญา เอาหน้าตาไม่เอาหน้าที่ หน้าที่ของพระเณรเสียหาย ถ้าอยากทำก็สึกออกไป อย่างแพรรี่เขาก็สึกออกไปแล้วไม่มีปัญหาไปทำประโยชน์เขาได้ อย่าห่มผ้าเหลืองแต่ทำสิ่งไม่เหมาะ คนไม่ได้เป็นพระเป็นเณร พระหัวโล้น เป็นด้วยพฤตินัยความประพฤติที่เหมาะสมดีงาม ชีวิตนี้หน้าตาสังขารเป็นของไม่เที่ยง บางคนเก็บเงินไม่ยอมฉันอะไร ยอมอดเพื่อให้หน้าตาสวย ถ้าสวยแล้วจิตใจสงบก็ดีไป แต่ถ้าไปเจอคนอื่นสวยกว่าก็จะทำไม่หยุด อย่าไปทำแบบนั้นเลย” พระพยอม กล่าว.