เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มี.ค. ที่ จ.สงขลา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง และนายสรรเพชญ บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายนิพัฒน์ อุดมอักษร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และนายสมยศ พลายด้วง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เข้าสักการะศาลหลักเมือง จ.สงขลา โดยมีประชาชนให้การต้อนรับ พร้อมส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ

จากนั้น นายจุรินทร์และคณะเดินทางไปเปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง เขต 1 และการมีปราศรัยย่อย เพื่อขอให้สนับสนุน นายสรรเพชญ เป็นผู้แทนเขต 1 บุตรชายของนายนิพนธ์ ผู้เป็นกำลังสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางประชาชนที่ตะโกนเป็นภาษาใต้ว่า “พันพรือ ก็ต้องเลือกสรรเพชญ”

นายจุรินทร์ กล่าวถึงการหาเสียงในพื้นที่ เขต 1 สงขลา ว่า ประชาธิปัตย์มีความพร้อมมากกว่าพรรคอื่น เพราะมีการเปิดตัวเป็นพรรคแรกในสงขลา และผู้สมัครลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หลังเลือกตั้งปี 62 โดยในเวทีปราศรัย อ.หาดใหญ่ ที่ผ่านมา ประชาชนเข้าร่วมฟังปราศรัย กว่า 40,000 คน สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณประชาธิปัตย์ในสงขลาฟื้นกลับมา ทำให้พวกเรามีขวัญกำลังใจและมั่นใจว่าจะชนะยกจังหวัด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาก ยืนยันว่า ที่พูดนี้ ไม่ได้มโน หรือจินตนาการ แต่พูดจากความจริงที่มีประสบการณ์ และเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องชาวสงขลา รวมถึงว่าที่ผู้สมัครทุกคน ล้วนเป็นคนคุณภาพ คนรุ่นใหม่ ทั้ง นายสรรเพชญ นายสมยศ และนายนิพัฒน์ อีกทั้งยังมี นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา ซึ่งเป็นทีมของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย จึงทำให้การเลือกตั้งสงขลาครั้งนี้ มีความพร้อม ประกอบกับนายนิพนธ์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง และรับผิดชอบพื้นที่สงขลา รวมถึง นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ได้ผนึกกำลังกัน ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าชาวสงขลา จะให้การตอบรับประชาธิปัตย์เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจนิด้าโพลที่ระบุว่าคนสงขลาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การเลือก ส.ส. เขตและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ผลโพลยังคงให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นอันดับหนึ่งนั้น ว่า ไม่เป็นอะไร เพราะระบบนี้ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ที่เลือกผู้นำประเทศโดยตรง แต่ต้องเลือกผ่านระบบพรรคการเมือง ดังนั้น หากพรรคการเมืองคะแนนดี ได้ ส.ส.มาก ใครรวมเสียงข้างมากได้ พรรคนั้นก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องไม่สับสนกับระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยหัวหน้าพรรคเป็นส่วนหนึ่งของพรรค ถ้าพรรคคะแนนดีหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส. ล้วนแต่มีส่วน ที่ทำให้พรรคคะแนนดี 

ขณะเดียวกัน มั่นใจในระบบรัฐสภาว่า ถ้าเรามีเสียงมากพอ ก็สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยหลักของระบบนี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสมอไป แต่อยู่ที่ว่าพรรคการเมืองใดรวมเสียงข้างมากได้ พรรคนั้นก็จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ สำหรับผลโพลในช่วงหลังที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่งนั้น มาจากการที่ประชาธิปัตย์มีความพร้อมทั้งในเรื่องตัวบุคคล และการลงพื้นที่ต่อเนื่อง รวมถึงความผูกพันกับคนใต้ และนโยบายของพรรคที่ชัดเจน ในการสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ พาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีและนโยบายย่อย 8 ข้อที่ผูกพันกับคนใต้ ทั้งในเรื่องของการประกันรายได้พืชเกษตร 5 ชนิด การออกโฉนดที่ดินทำกิน 1 ล้านแปลง นมโรงเรียนฟรี 365 วัน ธนาคารหมู่บ้าน หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท 

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงเรื่องการแบ่งเขตใหม่ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ทำให้ภาคใต้เพิ่มจาก 58 เขตเป็น 60 เขต ว่า  ถือเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะทำให้มี ส.ส.เพิ่ม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมมากที่สุด โดยในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้จะมีการเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี ครบทั้ง 5 คน ที่จากเดิมมี 4 เขต สำหรับ นครศรีธรรมราช ที่เพิ่มมา 1 เขตนั้น อยู่ระหว่างการคัดเลือก เพราะมีผู้สมัครมากกว่า 1 คน

ทางด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า วันนี้ตนมาถามประชาชนชาวพัทลุงว่าการเลือกตั้งที่จะถึง จะเลือกประชาธิปัตย์ยกทีมหรือไม่ เพราะในการเลือกตั้งคราวที่แล้ว พรรคการเมืองบางพรรคได้ที่นั่ง ส.ส.ไป 2 เขต เหลืออีก 1 เขตให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ จึงอยากให้คนพัทลุงแสดงพลังในการเลือกว่าที่ผู้สมัครของพรรคทั้ง 3 เขต คือ เขต 1 น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร หรือ ส.ส.แหม่ม อดีต ส.ส. 2 สมัย เขต 2 น.ส.ปิยกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี เป็นทายาทของ นายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี อดีต ส.ส. 2 สมัยของพัทลุง และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง 2 สมัย และเขต 3 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ หรือน้องหวาย บุตรชายของนายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย ซึ่งว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 คน ถือว่าเป็นผู้ที่มีการศึกษาดี จบมาจากต่างประเทศทั้งหมด มีประสบการณ์ทำงาน และเป็นคนรุ่นใหม่ที่พรรคฯ เปิดโอกาสให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ 

พรรคคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะกลับมาฟื้นฟูภาคใต้ เป็นโอกาสของคนภาคใต้บ้านเรา เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยู่คู่กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยถึง 77 ปี ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นทั้งฝ่ายค้าน เป็นทั้งรัฐบาล สร้างหัวหน้าพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว และที่สำคัญ ถือเป็นโอกาสของคนภาคใต้บ้านเรา เพราะหัวหน้าแทบจะทุกพรรคการเมือง ไม่ได้เป็นคนภาคใต้เหมือนกับนายจุรินทร์ วันนี้ทราบมาว่ามีการล่ารายชื่อกันแล้ว พรรคบางพรรคมีการเดินล่ารายชื่อทุกหมู่บ้าน ให้ลงชื่อไว้ แล้วบอกว่าจะให้เท่านั้นเท่านี้ เพราะฉะนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราต้องช่วยกัน ตนคิดว่าอำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจที่มีอยู่ทั้งหมด สู้อำนาจมือของพี่น้องไม่ได้ ซึ่งถ้าช่วยกันคนละเสียงจนได้หลายๆ เสียง เอาประมาณจากที่มาฟังปราศรัยจนไม่มีเก้าอี้นั่ง ราว ๆ 30,000 คน แล้ว ตนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ นำหน้าพรรคอื่น ๆ แน่นอน.