เมื่อวันที่ 7 มี.ค. เวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนากร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในภาคใต้ขณะนี้ว่าจากการที่ตนได้ลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างมาก กระแสความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ และในการลงพื้นที่ส่วนใหญ่ ประชาชนผู้สูงอายุได้สอบถามเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บางส่วนสอบถามถึงเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนส่วนใหญ่บอกว่าอยากให้พรรครวมไทยสร้างชาติทำนโยบายนี้ต่อไป ขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติมีนโยบายเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส และการปล่อย “กู้ฉุกเฉิน” 10,000 บาทต่อคน ส่วนใหญ่สอบถามเรื่องนี้มามากเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ลงทะเบียนบัตรประชารัฐสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วไม่ผ่านเกณฑ์ ได้ขอให้รัฐบาลช่วยดูแลในช่วงการอุทธรณ์ เพราะมีคนส่วนนี้อยู่ประมาณ 5 ล้านคน อีกทั้งยังมีประชาชนร้องเรียนเรื่องมิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตนได้นำเรื่องนี้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว และท่านได้สั่งการให้กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยไปดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดกับมิจฉาชีพที่กระทำการดังกล่าวอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีอาการป่วยของนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องปรับแผนการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ที่จริง นายกรัฐมนตรีแข็งแรงมาก ส่วนอาการที่มือ เป็นแค่การอักเสบ ไม่ได้มีอาการหนักอะไร วันนี้ตนได้มีโอกาสไปรับท่าน เห็นว่าท่านแข็งแรงดี เชื่อว่าไม่มีผลต่อการเดินสายปราศรัยและการลงพื้นที่ แต่คงต้องมีการปรับแผนการลงพื้นที่บ้างเล็กน้อย ไม่มีผลกระทบมาก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ใจสู้มากในการทำงานให้กับประชาชน ดังนั้น ท่านสู้เต็มที่อยู่แล้ว

เมื่อถามว่ากำหนดการลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ยังมีอยู่เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนทราบว่ายังมีกำหนดการนี้อยู่ และจะไปลงพื้นที่สงขลาในวันที่ 11 มี.ค. ด้วย ทุกวันนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติได้มีการปรับยุทธศาสตร์บ้างเล็กน้อย โดยจากการที่ตนและผู้สมัคร ส.ส.หลายคนลงพื้นที่ พบว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งยังมีความสับสนและยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากพรรคฯ เพิ่งเริ่มจัดทำป้ายหาเสียงให้แก่ผู้สมัคร เพิ่งนำไปเผยแพร่ อาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เราจึงได้มีการปรับยุทธศาสตร์ตรงนี้แล้ว และเร่งทางผู้สมัครให้ขึ้นป้ายหาเสียงดังกล่าว วันนี้ไม่ว่าจะลงพื้นที่ใด ก็จะเห็นได้ว่ามีแต่คนถามหา พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น เราอาจต้องปรับระยะของพรรคฯ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะผลโพลต่าง ๆ ก็สะท้อนออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นอันดับ 1 และหลายพื้นที่ก็ระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ มีความนิยมมาเป็นอันดับ 2 หรือ 3 ซึ่งเราต้องปรับให้ประชาชนตระหนักว่าถ้าเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ก็เท่ากับเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งคนและพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลื่อนกำหนดการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีออกไป จะส่งผลถึงคะแนนเสียงหรือความนิยมหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่ได้เลื่อนกำหนดการดังกล่าว แม้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่สบาย แต่ตนและผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้ หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ จะลงพื้นที่มากขึ้น ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ปราศรัยตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งมีกำหนดการอยู่แล้ว ส่วนบรรดาแกนนำของพรรคฯ ที่ได้มีการแบ่งความรับผิดชอบดูแลในแต่ละภาค ก็คงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงขึ้น เพราะตอนนี้ถือว่าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง โดยการเมืองในวันนี้ตนเชื่อว่าเมื่อดูบรรยากาศการเมืองในทุกวันนี้ สุดท้ายมันมีสองฝั่งอย่างที่ตนเคยบอกไว้ คือฝั่งที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ กับคนอีกฝั่งหนึ่ง ที่ประชาชนยังให้ความไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตอนคิดว่ามากกว่าปี 62 เพราะขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแค่ผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่เอง ปราศรัยเอง และเป็นประธานคณะกรรมการของพรรครวมไทยสร้างชาติเอง ดังนั้น คิดว่าด้วยความตั้งใจของท่านที่ต้องการทำงานให้กับประชาชน จะทำให้ได้รับโอกาสจากประชาชนมากขึ้น

เมื่อถามถึงความพร้อมของพรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ภาคใต้ นายธนกร กล่าวว่า ตอนนี้ เรามีความพร้อมสูงสุดในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนภาคอื่น เราก็พร้อมแต่เนื่องจาก กระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ ในพื้นที่ภาคใต้มีสูงมากอย่างต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะได้รับการตอบรับอย่างมากในพื้นที่ภาคใต้ แต่เราก็ยังต้องมีการปรับยุทธศาสตร์ตามที่ตนได้กล่าวไว้ข้างต้น