จากกรณีโลกออนไลน์ แชร์เรื่องราวของเจ้าของรถรายหนึ่ง นำรถไปซ่อมในอู่รถชื่อดัง พื้นที่ จ.ภูเก็ต มีการจ่ายเงินค่าดำเนินการรวมกว่า 1.8 แสนบาท เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี แต่กลับไม่แล้วเสร็จ ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความสงสัย กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

สุดช้ำส่งรถซ่อมอู่เกือบ 2 ปี หมดเป็นแสน ล่าสุดสภาพรถกลายเป็นซากแล้ว

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายเอ (นามสมมุติ) เจ้าของรถ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ตนทำงานอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มจากตนนำรถไปซ่อมที่อู่ดังกล่าว เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายน่าเชื่อถือและมีคนรู้จักบอกมาว่าดี ตอนแรกทำช่วงล่างก่อนเพื่อจะใส่ล้อ มีการส่งรูปมาให้ดูเรื่อย ๆ พอทำได้ทรงสวยแล้ว ตนได้นัดอีกร้านหนึ่งไปทำคลัตช์ แต่ทางอู่อ้างว่าไม่สามารถนำลงมาได้ และยังบอกว่า เขาสามารถทำคลัตช์ได้ด้วยจึงให้ต่อไป โดยตอนทำช่วงล่างทำล้อก็มีการเบิกเงินไป 7,000 บาท แต่ตนยังไม่เห็นมียางสักเส้น หลังจากนั้นก็ยังมีการส่งงานส่งรูปมาให้ดู พร้อมข้ออ้างมากมาย จองอู่สี ซื้อตู้เชื่อม และอื่น ๆ ซึ่งตนก็ให้เงินไปจนครบจำนวนที่ตกลงกันไว้ ประมาณ 1.6-1.8 แสนบาท

เวลาผ่านไป ตนเริ่มถามว่าเมื่อไหร่รถจะเสร็จ ทางอู่อ้างว่าเสร็จทันก่อนกลับมาแน่นอน หลังจากนั้นตนกลับมาไทย 2-3 รอบ ก็ยังไม่เสร็จ โดยสัญญากำหนดให้แล้วเสร็จ มิเช่นนั้นฝ่ายอู่รถที่ผิดสัญญา จะต้องโดนปรับวันละ 500 บาท ซึ่งก็ปรากฏว่า ยังไม่เสร็จตามกำหนดเช่นเคย กระทั่งตนเดินทางกลับมาทำงานที่อินโดนีเซีย เวลาผ่านไป ตนโพสต์ทวงถามผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อไหร่รถจะเสร็จ อีกฝ่ายกลับไม่พอใจ อ้างว่าเบิกเงินไปใช้หมดแล้ว จะไม่ส่งงานหรือรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น แล้วยังขู่จะฟ้องเอาผิดตน ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกเงินค่าเสียหายอีก 3 แสนบาทด้วย นอกจากนี้ อู่คู่กรณียังไปโวยวายก่อกวนที่บ้านของตนต่าง ๆ นานา ทำให้ครอบครัวของตนหวาดกลัว ขนาดจะให้ช่างไปรับรถมาทำอู่อื่น ยังไม่มีใครกล้าเข้าไป เพราะอีกฝ่ายรู้จักกับกลุ่มนักเลง ผู้มีอิทธิพล ล่าสุดมีการข่มขู่ด้วยว่า จะเอารถไปทิ้งน้ำ

“…ตอนแรก ไปทำช่วงล่าง ทำโป่งลมใหม่ ไม่รู้อะไหล่ยังครบหรือเปล่า ตอนนี้รถก็เสียหายไปหมดแล้ว ฝุ่นจับเกาะในรถเต็มไปหมด เรื่องผ่านปีกว่า เกือบ 2 ปีแล้ว รู้สึกเหนื่อยมาก อีกฝ่ายคุกคามคนในบ้าน สมบัติชิ้นเดียวในชีวิตต้องมากลายมาเป็นซาก อยากขอความเป็นธรรมจากฝ่ายงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือด้านกฎหมายด้วย…” นายเอ กล่าว