เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยในรายการคมชัดลึก ทางช่องเนชั่นทีวี 22 ถึงการตกลงจับขั้วรัฐบาลระหว่างพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ บนโต๊ะอาหารมื้อเที่ยงที่ป่ารอยต่อฯ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นัดในวันดังกล่าวล่วงหน้า ซึ่งมีการคุยในภาพรวมว่า เราจะอยู่ตรงไหนหลังเลือกตั้ง ตัวเลขจะเป็นอย่างไร พรรคเราก็ต้องเช็กว่า ข้อมูลที่ทำเมื่อเทียบกับโพลเป็นอย่างไร เราก็รู้ในใจ เฉพาะเขตเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 100 บัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 20 บางพรรคที่บอกจะได้ 310 ที่นั่ง พิสูจน์อะไรไม่ได้ แลนด์สไลด์เป็นคำพูด จะแลนด์สไลด์ตรงไหน โฆษณาเกินจริง เป็นไปไม่ได้

ถ้าจำไม่ผิด มีการพูดถึงพรรคเพื่อไทยจะได้ไม่เกิน 170 ที่นั่ง ส่วนการจับมือวันนี้ก็หลวมๆ ไปก่อน ค่อยเป็นค่อยไป การสนทนาคือ พลังประชารัฐกับภูมิใจไทย เราได้ถึง 200 ตัวเลขสวยที่สุด บวกกับรวมไทยสร้างชาติ และอื่นๆ จะดี และเหมาะจะก้าวข้าม 250 ที่นั่งได้ แต่เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา ไม่มีการปิดหรือเปิดดีล แค่คุยกัน ถ้าได้ขนาดนี้แล้วมารวมกัน เกริ่นไว้ล่วงหน้า วันนี้ไม่ได้บอกจะสลายขั้ว แต่ทำอย่างไรให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30

“มีการพูดลักษณะว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร ใครได้มากกว่ากัน ต้องไปถามนายอนุทิน เพราะท่านปรารภออกมา ให้มาย้ำใครได้มากกว่าคนนั้นก็เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างรวมไทยสร้างชาติ กับพลังประชารัฐ นายอนุทิน บอกว่า ระหว่าง 2 พี่น้อง ใครได้มาก ผมก็สนับสนุนคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี”

นายวิรัช กล่าวอีกว่า วันนี้ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร ไปที่ไหน เริ่มมีความมั่นใจแล้วว่า จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 เมื่อมั่นใจ บารมีเหมือนร่มไม้ชายคา ร่มโพธิ์ร่มไทร นก หนู กา ไก่ ก็วิ่งเข้ามาหาหมด และท่านมั่นใจได้ 250 เสียงขึ้นไปแน่นอน เราคิดว่าได้ ส.ส. มากกว่า รวมไทยสร้างชาติ พอสมควร