ความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ 3 นาย ถูกตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ จับกุมคาห้องสืบสวนภายใน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังร่วมกันเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และเบื้องต้นมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มี.ค. พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าของคดี จะเรียกตัว 3 ตำรวจชุดสืบสวน ยศ ด.ต. อายุ 27 ปี, ยศ ส.ต.อ. อายุ 30 ปี และยศ ส.ต.อ. อายุ 27 ปี ที่ถูกจับในห้องสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมของกลางเงินสด 364,700 บาท มาสอบปากคำในคดีดังกล่าว และได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นายนี้ ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้งจะเรียกตัวตำรวจอีก 8 ราย ยศ ร.ต.อ. 1 นาย, ยศ ร.ต.ท. 1 นาย, ยศ ด.ต. 2 นาย, ยศ จ.ส.ต. 3 นาย, และยศ ส.ต.อ. อีก 1 นาย ซึ่งอยู่ในชุดเดียวกันที่ถูกซัดทอดมาสอบปากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกันเรียกเงินในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งหากผลการสอบสวนหรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันกระทำผิดทั้ง 8 รายนี้ ก็จะถูกดำเนินคดีทั้งอาญา สอบวินัย และให้ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย นอกจากนี้ ยังจะต้องเรียกตัวร้อยเวร สภ.สมเด็จ ที่เป็นผู้ที่รับเงินของกลางลงบันทึกประจำวันก่อนซ้อนแผนมาสอบปากคำด้วย

พล.ต.ต.สุวรรณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้สอบถามตำรวจกลุ่มดังกล่าว เบื้องต้นระบุว่า ได้จับกุมนายบี (นามสมมุติ) พร้อมกับของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด จากบ้านพักในพื้นที่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 66 นำตัวมาที่ห้องสืบสวนเพื่อมาดำเนินคดี แต่ในทางกลับกัน จากการสอบถามนายบี ผู้ที่ถูกจับและถูกกล่าวหาว่ามียาบ้า นายบี ให้การปฏิเสธว่าไม่มียาบ้า พร้อมทั้งอ้างว่าถูกตำรวจชุดดังกล่าวไปหาที่บ้าน พร้อมกับนำตัวไปยืนถ่ายภาพชี้ถุงอะไรบางอย่างบริเวณข้างบ้านก่อนจะนำตัวมาที่โรงพัก แล้วใช้โทรศัพท์ของตนโทรหาน้องสาวเพื่อที่จะให้นำเงิน 500,000 บาท มาให้แล้วปล่อยตัวตนเองออกมา

พล.ต.ต.สุวรรณ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้แนวทางการสืบสวนสอบสวนต่อไปนั้น จะต้องตรวจสอบว่าการที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์จับกุมผู้ต้องหาและยาบ้า 2,000 เม็ดมานั้น ของกลางยาบ้า 2,000 เม็ดอยู่ที่ไหน เพราะเบื้องต้นตรวจสอบแล้วไม่มีการลงบันทึกการจับกุม ของกลางยังหาไม่เจอ ซึ่งจะเป็นการกล่าวอ้างหรือไม่ เพราะล่าสุดคนที่ถูกจับมาก็ให้การปฏิเสธ เรื่องนี้จะต้องทำให้ชัดเจนด้วยว่าการจับกุมมามียาบ้าด้วยหรือไม่ แต่หากจับมาแล้วพร้อมของกลางจริงก็ไม่ควรที่จะมีพฤติกรรมเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีดังกล่าวที่เกิดขึ้นมีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้จับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ อ.ยางตลาด ก่อนจะขยายผลไปจับกุมตัวนายบี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 66 โดยได้เข้าจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังโรงพักสภ.เมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นหนึ่งในชุดจับได้ใช้โทรศัพท์ของนายบี โทรฯ ไปหานางเอ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายบี และเป็นภรรยาของตำรวจยศ ด.ต. ซึ่งเป็นตำรวจชุดสืบสวนโรงพักแห่งหนึ่ง และเคยปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เพื่อบอกว่าให้นําเงินจํานวน 500,000 บาท มาให้เพื่อแลกกับการไม่ให้ถูกจับกุม ซึ่งนางเอได้เจรจาต่อรองลดลงเหลือ 400,000 บาท พร้อมกับตอบตกลงที่จะนําเงินมาส่งมอบให้บริเวณหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ในวันที่ 23 มี.ค. 66 เวลาประมาณ 09.00 น. พร้อมได้นำเรื่องไปแจ้งกับสามีที่เป็นตำรวจ จากนั้นสามีได้นำเรื่องรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาก่อนจะมีการซ้อนแผนจับกุม

โดยได้นําเงินจํานวนดังกล่าวไปลงประจําวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐานที่ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ วางแผนที่จะทําการจับกุมโดยตกลงกันว่าให้ นางเอ นํากระเป๋า ซึ่งภายในบรรจุเงิน จํานวนดังกล่าวไปมอบให้บุคคลตามที่ตกลงกัน ส่วนเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.เกษม มุฑาพร ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ยืนดูสังเกตการณ์อยู่บริเวณลานจอดรถด้านหลังสภ.เมืองกาฬสินธุ์ ใกล้กับห้องปฏิบัติการสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อรับมอบเงินกันเสร็จแล้วนางเอ จะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม

จากนั้น พ.ต.อ.เกษม ได้เข้าไปที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พบตํารวจ 3 นายมี ยศ “ด.ต.” อายุ 27 ปี, ยศ “ส.ต.อ.” อายุ 30 ปี และ ยศ “ส.ต.อ.” อายุ 27 ปี นั่งอยู่ในห้องสืบสวน ก่อนจะสอบถามว่าผู้ต้องหาชื่อนายบี อยู่ที่ใด ตำรวจทั้ง 3 นายแจ้งว่า “ให้กลับบ้านแล้ว” และได้ตรวจยึดกระเป๋าเงินพร้อมธนบัตร จํานวนเงิน 364,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหน้านี้ไว้เป็นของกลาง จากนั้น พ.ต.อ.เกษม ได้สอบถามว่ามีใครได้ร่วมรู้เห็นและกระทําผิดในครั้งนี้ ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ยังให้การตรงกันว่ามีผู้ร่วมรู้เห็นและการกระทําในครั้งนี้อีก 8 ราย ประกอบด้วย นายตำรวจยศ “ร.ต.อ.”, นายตำรวจยศ “ร.ต.ท.”, ตำรวจยศ “ด.ต.” 2 นาย, ตำรวจยศ “จ.ส.ต.” 3 นาย และตำรวจยศ “ส.ต.อ.” อีก 1 นาย

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนางเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นน้องสาวของนายบี เป็นภรรยาของตำรวจยศ ด.ต. และเป็นผู้เสียหายที่นำเงินมาให้ตำรวจชุดสืบสวน โดยนางเอ ระบุว่า ไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลหรือให้สัมภาษณ์ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี และปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่ตำรวจชุดที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งผู้บังคับบัญชาหัวหน้าสถานียังไม่มีใครออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น.