เมื่อวันที่​ 3 เม.ย. เวลา​ 10.05 น.​ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงการลงสนามการเมืองอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก ว่าก็ดี มาครั้งแรกก็เรียบร้อยดีไงเล่า ไม่มีใครทะเลาะกัน ไม่มีใครใช้ความรุนแรงต่อกัน แถมอยู่คนละพรรค ก็มาทักทายกัน สวัสดีกัน ทุกคนก็คือคนไทยด้วยกัน บางคนก็คุ้นเคยกัน ก่อนหน้านี้ ตนก็รู้จักกับแกนนำพรรคหลายคน คุ้นเคยกัน

อย่างไรก็ตาม หลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะอยู่กันคนละพรรค แต่ความผูกพันส่วนตัวไม่มีปัญหา ความเป็นเพื่อน ความคุ้นเคย การทำงานร่วมกัน แต่การที่เขาจะเลือกพรรคไหน ก็เป็นเรื่องของเขา ก็เพียงแต่ขอว่าให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าหวังแต่เพียงหาเสียง สมมุติว่าได้จากนโยบายที่หาเสียง แล้วทำไม่ได้ จะตอบประชาชนว่ายังไง บางอย่างที่ตนกลัวว่ามันอันตรายพอสมควร เช่น การใช้จ่ายงบประมาณ ถ้าทำตรงนี้ต้องบอกว่า รายได้จะเอามาจากไหน บางนโยบายล่อไป 9 แสนล้านบาท จะเอามาจากไหน นี่คือสิ่งที่อันตรายและต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ต้องดูว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า ตอนที่นั่งติดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการพูดคุยอะไรกันบ้างหรือไม่ ก็พูดคุยกันไป สนุกสนานกันไป เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้มาในฐานะคู่แข่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นแข่งอะไรกับใครเลย เมื่อกี้นั่งคุยกัน ก็แหย่กันไปแหย่กันมา ท่านก็ทำของท่าน​ ตนก็ทำของตน แต่ให้รู้ว่า วันนี้เราอยู่คนละพรรคแล้ว ส่วนจะคิดว่าจะรวมกันวันหน้าหรือเปล่า ตนก็แจ้งแล้วว่า ตนแยกมา แยกก็คือแยก ไม่อย่างนั้นตนจะมานั่งสัมภาษณ์ตรงนี้ทำไม ก็ให้ พล.อ.ประวิตร สัมภาษณ์สิ พรรคตนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร ได้โพสต์ ตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถึงจะสง่างาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป ตนมองในเรื่องของการให้โอกาสคนอื่นเขาขึ้นมาเป็นบ้าง ตนก็เลยให้นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 เพราะมีผลกับการอยู่ 2 ปีของตน หลายคนถามว่า ตนอยู่ 2 ปีแล้วจะเป็นยังไง ก็นั่นไงคือคำตอบ ซึ่งเป็นตัวเลือกในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ถ้าตนได้อยู่ 2 ปี ก็จะมีคนสานต่อตรงนี้ ทุกอย่างมันคือยุทธศาสตร์ยุทธศาสตร์คือโทษระยะยาวไป

เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะได้เป็นแกนนำจะต้องรัฐบาลแน่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มั่นใจตรงไหนวะ ตนพูดว่าแค่ได้เป็น เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้เช่นนั้น ต้องเข้าใจว่าตนมีภาระหลายอย่างและมีบทเรียนมาแล้ว เรื่องการที่หลายคนพูดว่าเป็นคนทำให้สภาล่ม มันใช่ไหมล่ะ คนเราเป็นผู้ใหญ่แล้วพูดจาให้ระมัดระวังบ้าง หลายคนมาโทษนายกฯ ในเมื่อวันนั้น ตนก็ไม่ใช่ ส.ส. หรือสมาชิกพรรคกับพรรคใดเลย ตนถูกเลือกโดยมีพรรคการเมืองสนับสนุน แล้วตนบังคับ ส.ส. ได้ไหม ถ้าบังคับได้ตนก็อยู่พลังประชารัฐแล้วมั้ง ไม่ใช่ว่าเขาทำไม่ดีนะ เพราะตนบังคับให้เขาทำสิ่งดีๆ เขาก็เฉยๆ แต่ไม่ใช่ว่าเขาทำไม่ดีนะ แต่หลายอย่างมันไม่ตรงกัน ตนก็เลยมาอยู่กับนายพีระพันธ์ุ เพราะมีเจตนาที่ตรงกัน ว่าเราจะเดินหน้าประเทศไทย อย่าคิดว่าได้เงินเท่าไหร่ในการเลือกตั้ง.