สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่า ดับเบิลยูเอ็มโอ ระบุในรายงานสำคัญเกี่ยวกับความเสียหายของการเปลี่ยนแปลงสภาพาอากาศ ว่า ธารน้ำแข็งซึ่งละลายอย่างรวดเร็ว และระดับความร้อนในมหาสมุทรที่สูงเป็นประวัติการณ์ มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 4.62 มิลลิเมตรต่อปี ระหว่างปี 2556-2565 ซึ่งตัวเลขข้างต้นเพิ่มเร็วกว่าระดับที่บันทึกไว้ในช่วงปี 2536-2545 ประมาณ 2 เท่า

“พวกเราแพ้เกมการละลายของธารน้ำแข็ง และเกมการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล นั่นหมายความว่ามันเป็นข่าวร้าย” นายเพตเตอรี ทาลาส เลขาธิการดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าวเพิ่มเติมในการแถลงข่าวว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากในปัจจุบัน จะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีก “หลายพันปี”

นอกจากนี้ รายงานประจำปีฉบับดังกล่าวเผยให้เห็นว่า น้ำแข็งทะเลในทวีปแอนตาร์กติกา ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเดือน มิ.ย. และเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว อีกทั้งมหาสมุทรยังร้อนสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยพื้นผิวมหาสมุทรราว 58% ประสบกับคลื่นความร้อนทางทะเล

ทาลาส ระบุเสริมว่า รูปแบบสภาพอากาศที่รุนแรงเช่นนี้ จะมีอยู่ต่อไปในช่วงทศวรรษที่ 2060 ไม่ว่าจะมีการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยมลพิษด้วยวิธีไหนก็ตาม กระนั้น เขากล่าวว่ามันยังมีโอกาสในการพลิกฟื้นสถานการณ์ให้กลับมาดีขึ้นในภายหลัง

“ข่าวดีคือ เราจะสามารถค่อยๆ ลดแนวโน้มด้านลบนี้ และบรรลุการจำกัดอุณหภูมิของโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม” ทาลาส กล่าวถึงแผนสภาพอากาศที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้น จากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 แห่ง หรือ จี7 ซึ่งจะช่วยให้โลกบรรลุเป้าหมายอุณหภูมิ ตามข้อตกลงปารีส ฉบับปี 2558.

เครดิตภาพ : REUTERS