จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้ตั้งคดีพิเศษเลขที่ 36/2563 คดีฟอกเงิน ซึ่งเป็นคดีที่ผูกพันเชื่อมโยงมาจากคดีมูลฐานแชร์ Forex-3D โดยเกี่ยวกับการติดตามทรัพย์สินที่ได้มาจากเงินในธุรกิจดังกล่าว และดีเอสไอได้แจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินต่อนายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง หรือ ปราปต์ นักแสดงชายชื่อดัง เนื่องจากมีพฤติการณ์เคลื่อนย้ายรถยนต์หรู แอสตันมาร์ติน ซึ่งเป็นหนึ่งในรายการทรัพย์สินที่ดีเอสไอติดตามยึดอายัด เพราะเป็นทรัพย์ของนายอภิรักษ์ โกฎธิ อดีตผู้บริหาร และ น.ส.ชนกวนันท์ สีลุน หรือ กู๋กี๋ ทั้งคู่เป็นผู้ต้องหาหลักในคดีแชร์ Forex-3D โดยนายปราปต์ปฎล ได้ขับรถไปจอดไว้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ต่อมาวันที่ 5 ต.ค. 65 นายปราปต์ปฎลได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมปฏิเสธ ก่อนยื่นเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 19 ต.ค. 65 นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาอีก 8 ราย ประกอบด้วย ผู้ต้องหาในเรือนจำ 7 ราย และผู้ต้องหาที่อยู่ข้างนอก 1 ราย (นายธีร์ภัสกร กิมวังตะโก) ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินเช่นเดียวกัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 28 เม.ย. ที่ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากนายพงษธร อินอำนวย ในฐานะเลขานุการคดีแชร์ Forex-3D ว่า ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีการเลื่อนส่งสำนวนสั่งฟ้องผู้ต้องหา เนื่องจากภายหลังที่ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบสำนวน จึงได้มีการสั่งสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ประกอบด้วย นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง และนายธีร์ภัสกร กิมวังตะโก หรือ มาร์ค ได้เดินทางเข้ารับทราบนัดหมายถึงการเลื่อนส่งสำนวนเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าการสอบสวนประเด็นเพิ่มเติมนี้ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 พ.ค. ก่อนสรุปสำนวนนำส่งพนักงานอัยการต่อไป

ขณะที่นายปราปต์ปฎล นักแสดงชื่อดัง เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางไปตามนัดหมาย เพื่อพบกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ แต่เมื่อมีคำสั่งเลื่อนก็พร้อมปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสังเกตถึงการเลื่อนในครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นเพราะอะไร มีประเด็นใดที่ต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่ม นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งจากกลุ่มเพื่อนของตัวเองว่า มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอพยายามติดต่อให้ไปเป็นพยานในคดีดังกล่าวด้วย และสอบถามว่า ตนมีการนำรถของกลางคันดังกล่าว ไปเร่ขายตามที่พนักงานสอบสวนสงสัยหรือไม่ ทั้งนี้ ยืนยันว่าคดีดังกล่าวไม่เป็นอุปสรรคในการหาเสียง และจะติดตามคดีต่อไป แม้ว่าจะได้เป็น ส.ส. หรือไม่ก็ตาม และตนอยากให้ทางดีเอสไอดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนว่า จะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง.