เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ลานพาร์คพารากอน พรรคเพื่อไทยได้มีการจัดงาน “เพื่อเศรษฐกิจ เพื่อคุณภาพชีวิต เพื่อสิทธิเสรีภาพ เพื่อไทย” โดยมีการชาเลนจ์ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ทั้ง 33 เขต เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ มายังงานพาร์คพารากอน ภายในเวลา 1.29 ชั่วโมง ปรากฏว่า มีผู้เดินทางด้วยรถเมล์ รถไฟฟ้า รถสองแถว โดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า มีการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส พบว่ารถสะอาด อากาศเย็นสบาย แต่ต้องรอนาน มีหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง

นอกจากนี้ยังมีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมือง และวันเดียวกันนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มารอพบเพื่อสอบถามแนวคิดเกี่ยวกับกัญชาเสรี โดยนายเศรษฐา ระบุว่า นโยบายพรรคเพื่อไทยชัดเจน เราไม่เอากัญชาเสรี เราเอากัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น โดยนายชูวิทย์ ตอบกลับว่า พรรคไหนไม่สนับสนุนกัญชาเสรี ตนจะสนับสนุนพรรคนั้น จากนั้น ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย สลับกันขึ้นปราศรัย โดยมีประชาชนบริเวณดังกล่าวรับฟังจำนวนมาก

ต่อมาเวลา 18.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการกำหนดชะตาของฝั่งประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยมาตลอด เสนอทางออกตามครรลองคลองธรรมของประชาธิปไตย เอาชนะกติกาที่ไม่เป็นธรรม โดยมีการเลือกตั้งเป็นอาวุธสำคัญ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ทั้งพรรค และ ส.ส.เขต ทั้งนี้เพื่อให้มีจำนวน ส.ส. มากพอที่จะเอาชนะเสียง ส.ว. 250 เสียง มีสิทธิตั้งรัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทย และเลือกนายกฯ ที่มาจากเพื่อไทย ซึ่งเรามีนโยบายที่คิดใหญ่ เพราะถ้าไม่คิดใหญ่ก็เอาไม่อยู่ ทุกวันนี้บ้านเมืองมีปัญหามาก ที่ต้องได้รับการแก้ไข และพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรม

หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตประชาชน ยิ่งนโยบายทำสำเร็จเร็วเท่าไหร่ ประเทศชาติก็จะดีขึ้นเร็วเท่านั้น กรุงเทพฯ จะกลายเป็นมหานครที่เต็มไปด้วยโอกาส เป็นมหานครที่ง่ายกว่าเดิม ทำให้คนทุกรุ่นใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น หายใจง่ายขึ้น เพราะจะแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทันที การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำงานหารายได้ ชีวิตปลอดภัย ค่าน้ำค่าไฟถูกลง เป็นประเทศที่ปลอดยาเสพติด เทคโนโลยีต่างๆ จะเข้ามาช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานให้มีความเท่าเทียมกัน มีชีวิตที่ง่ายขึ้น ทุกคนจะมีการสนับสนุนจากรัฐ เพื่อตามหาความฝันและทำฝันให้เป็นจริงได้

“เราต้องได้เก็บเกี่ยวดอกผลจากประชาธิปไตยที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. นี้ จะไม่เก็บเกี่ยวผลไม้พิษจากการรัฐประหารอีกแล้ว พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด เรากล่าวมาตลอดในเรื่องของประชาธิปไตย สุดท้ายนี้ต้องการอย่างเดียว พรรคเพื่อไทยอยากทำให้ทุกความต้องการของคนไทยเป็นจริงได้ ภายใต้รัฐบาลของเพื่อไทย ดังนั้น 14 พ.ค. นี้ เป็นโอกาสของประชาชนทุกคนแล้ว เข้าคูหากาพรรคเบอร์ 29 ส่วนเขตของตัวเองเบอร์อะไรให้การเบอร์นั้น ขออย่าสับสน เพราะรู้สึกจะมีปัญหากันอยู่ ขอให้ทำการบ้านกันไปด้วย” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ทางด้าน นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเห็นใจคนกรุงเทพฯ ที่ปากกัดตีนถีบ ไม่ได้เดินตามความฝัน ทั้งรายจ่ายที่สูงขึ้น รายได้ลดลง นับเป็นอุปสรรค เหล่านี้เป็นสิ่งกีดขวางความฝัน ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล มีหลายอย่างที่เราจะทำ ผู้นำที่มาจากพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมมีความตั้งใจในการแก้ปัญหา ตนเคยถูกถามถ้าได้เป็นนายกฯ อย่างแรกที่จะทำคืออะไร ซึ่งคนเป็นผู้นำจะทำอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำได้หลายอย่างพร้อมกัน ปัญหาปากท้องเป็นปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อน 8 ปี ที่ผ่านมา เรามีผู้นำที่ไร้หัวใจ ไม่เข้าใจความยากลำบากของประชาชน ค่าไฟต้องจัดการทันที ไม่ต้องมาพูดในการหาเสียงกันวันนี้ว่า ถ้าได้รับเลือกเป็นรัฐบาล แล้วจะทำอย่างไร เพราะวันนี้คุณก็เป็นรัฐบาลอยู่ ถ้าคุณทำได้คุณคงทำไปแล้ว รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำจะขึ้นทันที ทุกคนต้องมีสิทธิพื้นฐานในการเลือกอาชีพ ผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม รถไฟฟ้า 20 บาท ใช้ได้ทุกคน และสามารถใช้ชีวิตนอกเมืองได้ ไม่แออัด

ที่สำคัญ ทหารไม่ได้เป็นอาชีพเดียวที่รักชาติ ถ้าชายไทยอายุ 20 ปี ประสงค์ทำอาชีพอื่น เขาควรได้รับอิสรภาพและสิทธินั้น แต่การบังคับให้เกณฑ์ทหารเป็นการลิดรอนสิทธิพื้นฐานประชาชน ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะแก้ปัญหานี้โดยเร็ว ลูกหลานต้องไม่ถูกบังคับให้เกณฑ์ทหาร ส่วนกรณีมีความเห็นต่าง แล้วหาว่าเป็นคนชังชาตินั้น ตนน้อยเนื้อต่ำใจมาก พอคนรุ่นใหม่มีความเห็นต่างเรื่องเกณฑ์ทหาร หรือเรื่องอื่นๆ แล้วขับไล่เขาออกจากประเทศที่เขารัก คนที่ออกไปได้เป็นคนมีศักยภาพ เพราะเสียบุคลากรสำคัญออกไป เราควรมีพื้นที่ให้ลูกหลานแสดงความคิดเห็น ภายใต้กรอบไม่ก้าวร้าว เรารับไม่ได้ถ้าคนในรัฐบาลปัจจุบันบอกคนเห็นต่างเป็นคนชังชาติเชิญออกไป ถึงเวลาที่รัฐบาลนั้น ต้องเปลี่ยนออกไป รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่ออกมาแก้ไข

ตนหวังว่ากรุงเทพฯ จะเป็นศูนย์กลางของความหลากหลายทางความคิด ความเสมอภาคและเท่าเทียม เรื่องเศรษฐกิจ กรุงเทพฯ มีคนอยู่มากเพียงพอ มีโรงเรียนนานาชาติ มีโรงพยาบาลระดับโลก เป็นเป้าหมายของบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก เราได้ไปเชิญเขาหรือไม่ว่า เมืองนี้มีอะไรดีๆ บ้าง เป็นหน้าที่ผู้นำประเทศที่ต้องไปเชื้อเชิญ ไม่ใช่แค่ไม่กี่ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน ยังมีประเทศในแอฟริกา เช่น ไนจีเรีย ที่มีประชากรจำนวนมาก เราต้องเดินทางออกไป เอาคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เอกชน ออกไปเจรจาการค้า ย้ำว่า จุดยืนเพื่อไทยในเวทีโลกนั้น เราเป็นประเทศเล็ก แต่น่าภูมิใจในเอกราช ผู้นำต้องไปแสดงจุดยืน ไม่สนับสนุนการรุกรานประเทศอื่น รวมถึงการใช้อาวุธสงครามรุกล่ำอธิปไตยประเทศอื่น ด้านวินัยการเงินการคลัง ก็จะใช้ภาษีอย่างระมัดระวัง เพราะเราตระหนักดีที่ปัจจุบันหนี้สาธารณะสูงถึง 60% หนี้ครัวเรือน 90% ต่อจีดีพี เราไม่มีเวลาให้ใครก็ตามเข้ามาลองของ ต้องเป็นผู้นำตัวจริงเท่านั้น ถึงเวลาที่เราต้องการผู้นำที่มีประสบการณ์ พรรคที่มีนโยบายเข้าใจปัญหาของประชาชน.