เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมติดตามความคืบหน้าคดี นางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ วางไซยาไนด์ ฆ่าชิงทรัพย์เหยื่อ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พร้อมกันนี้ยังได้เชิญ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ มาให้ข้อมูลรายละเอียดการนำเข้า การครอบครอง รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ เกี่ยวกับสารไซยาไนด์

 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ชี้แจงเรื่องการควบคุมและการกำกับดูแล ซึ่งหากพบว่าการที่ไซยาไนด์หลุดลอดออกไปจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐก็จะมีความผิดด้วย เหมือนกับคดีปืนหายที่ ผกก.สถานีตำรวจจะต้องได้รับโทษ 157 ในฐานะผู้บังคับบัญชา และโรงงานที่นำเข้าไซยาไนด์ เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใด ต้องรอผลการประชุมวันนี้

ส่วนความคืบหน้าทางคดี วันนี้เป็นการเรียกประชุมที่กองปราบปรามทั้งหมดตามคำสั่งของ ผบ.ตร. ที่ให้นำสำนวนคดีมารวมไว้ที่กองปราบปราม เบื้องต้นขณะนี้ ยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับใคร แต่ยอมรับว่าในช่วง 4 วันที่ผ่านมาคดีมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการขยายผลในทางคดี และคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะมีความชัดเจนว่า จะมีใครเกี่ยวข้องกับการร่วมกันฆ่าหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน 

ส่วนกรณีของ น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือ “ทราย” ที่เสียชีวิตในท้องที่ สน.ทองหล่อ นั้น ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ได้นัดสอบปากคำแพทย์นิติเวชเพื่อประกอบสำนวนคดี ก่อนจะพิจารณาขอศาลออกหมายจับ นางสรารัตน์ เพิ่มอีกคดี และในวันถัดไปจะเรียกบุคลากรทางการแพทย์ มาสอบปากคำในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพื่อขอความเห็นภาพรวมของคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์และการใช้สารไซยาไนด์ทั้งหมด ที่สโมสรตำรวจ เพราะผู้เชี่ยวชาญจะต้องใช้ขึ้นศาลด้วย

“สำหรับการสอบปากคำพ่อแม่ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามีของนางสรารัตน์ นั้น มีคำให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ชั้นนี้ ส่วนการสอบปากคำนอมินีที่มีชื่อบนกล่องพัสดุว่าเป็นคนสั่งซื้อไซยาไนด์ให้นางสรารัตน์ ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำไว้ทั้งหมดแล้วและเป็นประเด็นสำคัญในสำนวน ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่า นางสรารัตน์เป็นคนสั่งโดยที่นอมินีไม่ทราบว่าชื่อถูกนำไปแอบอ้างใช้สั่งสิ่งของอันตรายที่มีกฎหมายควบคุม” รอง ผบ.ตร. กล่าว