เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์จากปรากฏการณ์การเลือกตั้ง 14 พ.ค. ที่ผ่านมา สามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนคนไทยได้ชัดเจน เป็นสัญญาณความก้าวหน้าทางประชาธิปไตย ชมรมแพทย์ชนบท ขอเรียกร้องต่อ ส.ส. จากทุกพรรคการเมือง และ ส.ว. ทั้ง 250 คน ให้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย เคารพในเสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ โหวตสนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งได้ฉันทามติ จำนวน ส.ส. มากที่สุด เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการข้ามความขัดแย้งที่ยาวนานได้ดีที่สุด แสดงออกถึงคิดที่เคารพหลักการประชาธิปไตยเสียงข้างมาก เคารพต่อเจตนารมณ์และความหวังของผู้คนที่หวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำประเทศเดินไปข้างหน้า ชมรมแพทย์ชนบทหวังจะเห็นสถาบันรัฐสภาไทย เป็นเสาหลักของสังคมไทย

นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า เป็นไปตามที่แถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท อยากให้ ส.ส. และ ส.ว. เคารพในเสียงประชาชน อยากเห็นการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความราบรื่น ฟอร์มรัฐบาลใหม่ได้เร็ว การทำงานของรัฐบาลรักษาการก็จะน้อยลง ส่วนตัวอยากเห็นกระบวนการทำงานในรัฐบาลชุดใหม่ มีความหลากหลาย เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นมากขึ้นโดยอยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ เปิดรับฟังความคิดเห็นคนทำงานภาคปฏิบัติ และภาคการเมือง ข้าราชการ สัก 2-3 สัปดาห์ ก่อนการเดินหน้าทำงาน และอยากเห็นการปรับเปลี่ยนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่สมบูรณ์ เข้าสู่เฟส 2 อย่างแท้จริง คือ การเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพแบบไร้รอยต่อ ไม่แออัด ระบบปฐมภูมิแข็งแรง เพราะในต่างประเทศ หากมีระบบหลักประกันคนส่วนใหญ่จะเข้าไปใช้ทันที ผิดกับประเทศไทย ที่คนเลือกใช้บริการ รพ.เอกชน หรือคลินิก เพราะความแออัด และต้องการความสะดวก

นพ.สุภัทร กล่าวอีกว่า อย่างจากการลงพื้นที่เมื่อช่วงโควิด จะพบว่าความแออัดของระบบบริการ ในกรุงเทพฯ ประชากรจำนวนมาก ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้บริการคลินิก ดังนั้น ต้องมีการเพิ่มสถานพยาบาล ส่วนกรณีที่เปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ระบบหลักประกันฯ มักมีการเปลี่ยนรูปแบบ มองว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแค่วาทกรรม แต่ครั้งนี้อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงระบบ และการพัฒนาคุณภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ส่วนเรื่องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง จากการโยกย้ายออกจาก รพ.จะนะ มา รพ.สะบ้าย้อย นพ.สุภัทร กล่าวว่า จะดำเนินการหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลไปแล้วสักระยะ โดยย้ำว่าการเรียกร้องความเป็นธรรมนั้น ไม่ได้ทำเพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องบรรทัดฐาน ส่วนการทำงานในพื้นที่ ทั้ง รพ.และชาวบ้านตนได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี.