สุดท้ายแล้ว “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ก็ไปไม่ถึงดวงดาว

ผลงานจากรอบแรก นัดแรก ไล่มาถึงรอบรองชนะเลิศ ถือว่าโอเคเลย แม้ไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็ผ่านล่ะน่า

จนกระทั่งมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ที่ต้องยอมรับว่า อินโดนีเซีย เขาก็มาดีจริงๆ สมแล้ว ที่ชนะมารวดทุกนัด

เป็นอินโดนีเซีย พันธุ์แท้ เล่นดุดัน รับแน่น มีตื้อ มีตอด เจ้าเล่ห์

2 ประตูที่ อินโดนีเซีย ได้ ลูกแรกมีโชคช่วยอยู่บ้าง ที่บอลไปสะกิด ทรงชัย ทองฉ่ำ ส่วนลูกที่ 2 เป็นความผิดพลาดของแนวรับเอาเอง ที่ก็มักจะเกิดบ่อยๆ กับบอลแบบรุ่นอายุ

ชื่นชมขุนพลช้างศึก ที่กัดฟันสู้ จนไล่มาตีเสมอ 2-2 จาก อนันต์ ยอดสังวาลย์ กับช่วงทดเวลาของ ยศกร บูรพา ที่เกือบจะพังปาร์ตี้อิเหนา

น่าเสียดายที่เปิดช่วงต่อเวลาพิเศษมา เราโดนเร็ว นำไปสู่สมาธิหลุด ใบแดงปลิวว่อน จากนั้นเลยออกทะเลไปเรื่อยๆ กลับมาไม่ทัน จบเกมแบบเหลือ 7 คน โดนไป 3 ใบแดง และเจ็บเล่นไม่จบอีก 1

พลาดเหรียญทองสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

ภาพรวมของทีมไทย ตลอดทัวร์นาเมนต์ ก็ดูมีแววดี แนวรุก ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, อชิตพล คีรีรมย์ หรือแม้แต่ ยศกร บูรพา

กองกลาง อิรฟาน ดอเลาะ, ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ก็ไม่ได้น่าเกลียด หรือไปถึงแนวรับ ทรงก็ดีอยู่

แต่อย่างที่ทราบ เรามีเวลาซ้อม มีเวลารวมไม่เยอะ แถมรอจนครบ ก็ช่วงท้ายรอบแรก ที่ได้ 2 แข้งหลัก

พลาดทองซีเกมส์ ก็น่าเสียดาย เพราะใกล้เต็มที แต่ถอยมามองภาพรวม เรามีเป้าหมายใหญ่อยู่ที่ชิงแชมป์เอเชีย 23 ปี สู่โอลิมปิกเกมส์ 2024 อยู่แล้ว

แรกเริ่มเดิมที ก็ไม่ได้พุ่งเป้าเท่าไหร่ ไทยลีกไม่หลบให้ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ดังนั้นโอกาสสูงต่อการพลาดหวังคือฉันทามติแต่แรกอยู่แล้ว

เสียดายได้ แต่อย่าเก็บมาเสียใจมาก

ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 เหรียญเงิน ไม่ใช่รางวัลที่จะให้ค่ามากเท่ากับ ประสบการณ์ล้ำค่า ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น อารมณ์เดือดชั่ววูบ ที่ทำทุกอย่างพังทลายในชั่วพริบตา

หรือแม้แต่การรักษาบรรยากาศของทีม ใครจะเลิก ไม่อยากเล่น ก็เลิกไป แต่ไม่ใช่มาโพสต์ขณะกำลังก้าวขาลงสู่สงคราม

ไล่ไปถึงการจัดโปรแกรมเตรียมตัวให้ทีม ที่บางทีแค่ฟีฟ่าเดย์ อาจไม่พอ

ทั้งหลายทั้งปวงจะเซาะกร่อนสภาพทีม ที่ต้องเก็บเป็นบทเรียน ไม่ให้มีขึ้นอีก สำหรับงานใหญ่ล่าฝันโอลิมปิก ที่แม้จะยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยต้องอยู่บนเส้นทางให้นานที่สุด.

*** วุฒินล ***