เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าตอนนี้รอดูว่าเขาจะรวบรวมเสียงเป็นปึกแผ่นได้หรือไม่ เท่าที่ทราบปัจจุบันรวบรวมได้ 313 เสียง ก็มั่นคงถาวรแล้ว เพราะเสียงเกิน 250 เสียง ถือว่ามั่นคงแล้ว ขนาดรัฐบาลที่แล้วตนยังบอกว่าเรือเหล็กเลย แต่ครั้งนี้ยิ่งกว่าเหล็กอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงอย่างไรต้องอาศัยเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีก 60 กว่าเสียง นายวิษณุ กล่าวว่า อาศัยในช่วงการลงมติเลือกนายกฯ และอาจต้องอาศัยอีกครั้งตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนจึงพูดก่อนหน้านี้ว่า “เชื่อเถอะว่าปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง” ซึ่งตนยังยืนยันแบบนี้ ขอให้ค่อยๆ พูดจากันไป ยังมีเวลาอีก 60 วัน กว่าจะประกาศรายชื่อ ส.ส. และกว่าจะถึงเวลาเลือกนายกฯ บวกอีก 30 วัน รวมแล้วก็ 3 เดือน ดังนั้น ต้องใช้เวลาตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ด่าทอ หรือประชดประชันกัน แต่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เพราะต่างก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของรัฐสภา มันไม่ใช่แค่ทำงานฉาบฉวย สำหรับการเลือกนายกรัฐมนตรีอาจไม่ใช่ภารกิจยุ่งยากเท่าไหร่ แต่การผ่านกฎหมาย อะไรต่ออะไรยังมีมากกว่านี้ และหลายคนใน 6-7 พรรคนี้ก็พยายามประสาน เพราะเขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ดังนั้น ใช้เวลาตอนนี้ให้เป็นประโยชน์ อย่าลงมือด่าทอ ตบตีกัน ตั้งแต่วันแรก

เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลสามารถรวมกับพรรคอื่นได้ 8 พรรคแล้ว นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ว่าจะกี่พรรคก็ตาม แต่ตนเห็นว่ามันมั่นคงแล้ว เมื่อถามอีกว่าไม่เยอะเกินไปใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่แกนนำรัฐบาลจะไปคิดกัน เราจะไปวิจารณ์เขาได้อย่างไรว่าเยอะไป ถ้าเขาได้ 500 เสียง ก็ยิ่งดีใหญ่

ต่อข้อถามว่ามีคนประเมินว่าในรัฐสภาจะไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ประเมิน เมื่อถามว่าในทางกฎหมาย หากโหวตชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนใดคนหนึ่งไปแล้ว แต่ไม่ผ่าน จะสามารถนำชื่อเดิมกลับมาโหวตอีกได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ได้ โหวตมันทุกวันนั่นแหละ ชื่อเดิมก็ได้”

เมื่อถามว่า พรรคที่อยู่อันดับ 2 จะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ขึ้นไปก็ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ทุกอย่าง มันต้องอาศัยเสียงกึ่งหนึ่งในรอบแรก เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคหนึ่ง ระบุว่า ต้องมีความเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้ง 2 สภาที่มีอยู่ ซึ่งคือ 376 เสียง แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็โหวตอีก โหวตไปโหวตมาจนกระทั่งในที่สุดจะเปลี่ยนไปใช้มาตรา 272 วรรคสองก็แล้วแต่ หรือจะโหวตซ้ำมาตรา 272 วรรคหนึ่งก็ได้ ไม่เป็นไร เพราะมันอาจมีเหตุผลใหม่ๆ ดีๆ และมีคนเปลี่ยนใจเพิ่มขึ้นก็ได้ สำคัญคือ วันแรก ด่านแรก ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร

ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรา 272 วรรคสอง ที่จะใช้ได้คืออะไร นายวิษณุ กล่าวว่า “แปลว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว หาบุคคลอื่น แม้กระนั้นพอจะใช้วรรคสองที่ระบุว่า ทั้งนี้ อาจเสนอรายชื่อบุคคลที่อยู่ในรายชื่อนายกฯ ที่แต่ละพรรคเสนอได้ ซึ่งมันก็กลับมาใช้ได้อีก เห็นไหมล่ะ ขนาดใช้วรรคสองยังกลับมาใช้ชื่อเดิมได้อีก แล้วนับประสาอะไรกับแค่วรรคหนึ่ง รอบแรกไม่ผ่าน แล้ววันหลัง อาทิตย์หน้ามาใหม่ ก็เสนอรายชื่อเดิมได้”

เมื่อถามอีกว่า แบบนี้แสดงว่ามีสิทธิที่จะใช้นายกฯ นอกบัญชีได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็ได้ทั้งนั้น แต่อันนี้เป็นกรณีของวรรคสองนะ ซึ่งผมว่ายาก เพราะกว่าจะได้วรรคสองมันต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ซึ่งมันยาก มันไม่เกิดได้ง่ายๆ หรอก เนี่ยเดี๋ยวพวกคุณก็ไปลงข่าวว่าผมชี้ช่องอีก เอาแค่วรรคหนึ่งให้มันจบ และผมเชื่อว่าจบด้วย” เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมไม่มั่นใจ แต่ผมเชื่อ”

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการใช้กระแสสื่อโซเชียลมากดดันให้โหวตนายกฯ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ทราบเรื่อง ไม่ทราบเลย เมื่อถามว่า จะทำให้มีปัญหาตามมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบ