กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก กรณีหลังวันแถลง MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล วันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา เมื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย ที่ตั้งคำถาม Advance MOU จนเกิดประเด็นวิวาทะลุกลามใหญ่โต จนหลายฝ่ายต่างเป็นกังวล อาจสร้างรอยร้าวแก่พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลหรือไม่นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุข้อความว่า ในระบอบเผด็จการ แค่ข่มขู่ กดขี่ ทุกคนก็ต้องทำตามความอำเภอใจของเผด็จการโดยทันที แต่ในระบอบประชาธิปไตย เราต้องเคารพในความแตกต่าง ต้องใช้เวลาในการพูดคุย เพื่อปรับเปลี่ยนมุมมองให้ตรงกัน อาจจะช้าในช่วงเริ่มต้น แต่จะราบรื่นในระยะยาว

การจัดตั้งรัฐบาลของคณะรัฐประหารมันง่ายมาก แค่หัวหน้าโจรเอาปืนมาขู่ทุบโต๊ะ ทุกอย่างก็จบ แต่การจัดตั้งรัฐบาลผสม ในระบอบประชาธิปไตย มันยากเป็นปกติวิสัย เพราะต้องมีกระบวนการในการพูดคุย หารือ เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิดเชิงนโยบายที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง เพื่อปักธงในการทำงานร่วมกัน

การลุแก่อำนาจของเผด็จการ ที่สืบทอดอำนาจมายาวนานถึง 9 ปี อาจจะสร้างความคุ้นชิน กับการออกคำสั่งตามอำเภอใจของเผด็จการ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาใดๆ ในการพูดคุยทำความเข้าใจ แต่ในระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นระบบที่เคารพในความเห็นที่แตกต่างกัน

ดังนั้น การจัดตั้งรัฐบาลผสมในระบอบประชาธิปไตย ท่ามกลางการกุข่าวจากฝ่ายตรงข้าม ที่ถาโถมเข้ามาเพื่อบั่นทอนความกลมเกลียวแน่นแฟ้น ของพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการพูดคุย และรับฟังซึ่งกันและกัน เพื่อโอบรับ และปรับเปลี่ยนมุมมองที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดการยอมรับ และความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน อาจจะช้าในช่วงเริ่มต้น แต่ระยะยาวจะราบรื่น ผมมั่นใจว่าสุดท้ายจะลงเอยด้วยดี ทุกอย่างจะเป็นตามมติของประชาชนครับ

จากนั้นในเวลาต่อมา นายวิโรจน์ ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน เหมือนว่าไม่มีวันจะพรากไป ทำอะไรได้ดังฝันใฝ่ถ้าเราร่วมใจ จุดหมายที่ฝันกันไว้ก็คงไม่เกินมือเรา.