เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ห้องประชุมเสสะเวช สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสำนวนการสอบสวนนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ไซยาไนด์ ครั้งสุดท้ายก่อนสรุปส่งให้อัยการสั่งฟ้องทั้ง 15 คดี ในวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. นี้ และให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องประชุมว่า นางสรารัตน์ จะถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น 15 คดี ใน 15 คดี มีข้อหาอื่นๆ อีก โดยในแต่ละคดีมีหลายข้อหาเช่นคดีที่ 1 มี 8 ข้อหา ก็คูณเข้าไป และในแต่ละคดีก็จะมีข้อหาซ้ำๆ กัน เอาง่ายๆ ว่าโดนแค่ 1 คดี ก็ประหารชีวิตแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลอะไร ถ้าศาลท่านมีคำพิพากษาเห็นสอดคล้องกับพนักงานสอบสวน แค่เพียง 1 คดีเท่านั้น อัตราโทษก็ประหารชีวิตแล้ว และในส่วนของทนายความก็เป็นหน้าที่เขา เราฝ่ายสอบสวนเราทำงานเป็นคณะทำงานสอบสวน และเรามีความเห็นร่วมกันทั้งหมด ในส่วนพยานหลักฐานแทบไม่ต้องกังวล เพราะว่าพยานหลักฐานในเรื่องนี้มีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้ครบถ้วนรวมถึงพยานสอดคล้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จะแถลงสรุปอีกครั้ง ก่อนส่งอัยการฟ้องคดี แอม ไซยาไนด์ ทั้งหมดทุกคดี ที่กองบังคับการกองปราบปราม ส่วนกรณีคนใกล้ชิดนั้นยังมีพยานหลักฐานไปไม่ถึง ไม่เพียงพอจึงหยุดไว้ก่อน พนักงานอัยการให้เรามาสอบสวนเพิ่มเติมฉะนั้นเรื่องของการสืบสวนเราต้องทำต่อไป และหลังจากเสนอผลการสอบสวนทั้ง 15 สำนวนแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อคือการดำเนินคดีกับเว็บพนันที่มีเงิน 78 ล้านบาทเข้าไป การดำเนินคดีกับเทรดเดอร์ โรงงาน เจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกี่ยวกับโรงงาน ถ้าหากว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และสืบสวนเข้าไปถึงคนใกล้ชิดที่มีส่วนร่วมกับแอม ไซยาไนด์ อีกหรือไม่ นี่เป็นส่วนที่เราต้องทำต่อ ซึ่งใน 15 คดีนี้ มีทั้งแอม ไซยาไนด์ สามี และทนายความ ทั้งหมดที่ตกเป็นผู้ต้องหาเราสั่งคดีทั้งหมด แต่ในส่วนที่ต้องทำต่อคือเรื่องของเว็บพนัน ตั้งแต่เจ้าของเว็บ ผู้เล่น มีกี่ร้อยคนก็ต้องดำเนินคดี ที่เราตรวจพบเส้นทางการเงินทั้งแถวหนึ่ง แถวสอง แถวสาม ซึ่งวันนี้ข้อมูลก็มาครบหมดแล้ว

บิ๊กโจ๊ก กล่าวถึงสารไซยาไนด์ ว่า พบหลักฐานชี้ชัดแล้ว พบหลอดไซยาไนด์ที่สั่งซื้อแล้ว และพบการได้มาของไซยาไนด์ของแอมแล้ว ในส่วนนี้เป็นพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงได้หมดจากเดิมที่กำลังค้นหาว่าแอม ได้ไซยาไนด์มาอย่างไร วันนี้พบแล้วว่า ได้ไซยาไนด์มาจากการสั่งซื้อทางออนไลน์ แล้วเราพบแล้วว่าหลอดไหนที่สั่งซื้อมาจากการไหน คัดแยกทั้งหมด ดังนั้นสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอ แม้จะไม่รับสารภาพ ก็มีพยานเชื่อมโยงเพียงพอ

“แอมเขาไม่ได้บอกว่าเขาใช้อย่างไร แต่พยานหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ และสิ่งที่ศาลจะเห็นคือการนำสืบ 1.พฤติการณ์ที่ซ้ำๆ 2.ในบางศพผลการตรวจชันสูตรศพที่พบสารไซยาไนด์ ยกตัวอย่างเช่น กรณี รายหนึ่งตรวจไม่พบสารไซยาไนด์ แต่เมื่อส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลรามาธิบดี พบสารไซยาไนด์ที่มีปริมาณน้อยมาก แต่เป็นสิ่งบ่งบอกว่ามีไซยาไนด์ ซึ่งทุกคนที่มาพบแอม เสียชีวิตเพราะไซยาไนด์หมด และแอม รับในข้อเท็จจริงว่าบางรายเขารับแค่บางส่วน ว่าเป็นคนเอาไซยาไนด์ไปให้ แต่ไม่ได้เป็นคนวางยา ทีนี้ก็ต้องย้อนถามว่า คนที่ไหนเขาจะเอาไซยาไนด์ไปให้กัน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่าสำนวนทั้ง 15 คดีนี้ เป็นคดีประวัติศาสตร์ซึ่งประชาชนตื่นตระหนก และวันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องทำให้เร็ว และเป็นธรรม เพราะฉะนั้นสำนวนทั้งหมดมีความเชื่อมโยง มั่นใจได้ว่าจะมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะให้ศาลสั่งลงโทษได้

“เมื่อไซยาไนด์ได้ถึงมือแอมทันที ศพหลายศพก็เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเหตุที่สอดคล้องว่า เมื่อเขาสั่งซื้อไซยาไนด์ ทันทีก็จะเกิดศพขึ้นทันที ตั้งแต่ปี2564 ตั้งแต่แอมได้รับไซยาไนด์ เกิดศพขึ้นทันที 10 กว่าศพ เรามีพยานเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ปี 2558 ก็ใช้ไซยาไนด์ เพราะเราใช้ภาพศพที่มูลนิธิฯ ถ่ายเก็บไว้มาเปรียบเทียบย้อนหลังถึงกายภาพศพปัจจุบัน จึงบ่งชี้ว่ามีการใช้ไซยาไนด์มาตลอด ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าสภาพแบบนี้เกิดจากการใช้สารพิษ เพราะสภาพศพเหมือนกันทั้งหมด คือเลือดออกปาก ออกจมูกมือดำเล็บดำ” รอง ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวกรณีครรภ์เป็นพิษว่า ตร. ทำงานบนความเป็นธรรม ทุกครั้งที่จะเข้าไปสอบสวนแอม ได้มีการขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ทุกครั้ง เพราะฉะนั้นการที่จะเข้าไปสอบสวนแอม ต้องผ่านการพิจารณาจากกรมราชทัณฑ์แล้ว ฉะนั้นการสอบสวนของเรามีการสอบสวนตามกระบวนการของกรมราชทัณฑ์ทุกครั้ง ดังนั้นทุกครั้งที่เข้าไปสอบสวน เราไม่มีการข่มขู่ บีบบังคับ เราสอบสวนในฐานะวิชาชีพ ส่วนที่ทนายพูดมา เขาก็มีสิทธิที่จะพูด ส่วนเรื่องการสูญเสีย ก็ต้องไปสอบถามกับหมอว่า สาเหตุเกิดจากอะไร หรือเขาอาจจะมีความเครียด หรือไม่มี อันนี้ต้องให้แพทย์ตอบ และเรื่องการแท้งลูกนั้น ไม่กระทบต่อการสอบสวน และไม่เกี่ยวอะไรกับพนักงานสอบสวน

บิ๊กโจ๊ก กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.อุ้มหาย เพราะเราไม่ได้ไปขู่เข็ญหรือบังคับ หรือทรมาน มันคนละเรื่องกัน จึงไม่เกี่ยวกันกับ พ.ร.บ.อุ้มหาย ไม่กังวลนะ เพราะการสอบสวนแอมทุกครั้ง ตนเข้าไปสอบสวนด้วยทุกครั้ง แอม ก็ไม่ได้เครียดอะไร หัวเราะด้วยซ้ำ ถ้าเขาหวาดกลัวตน จะเรียกร้องที่จะพบตนทำไม แอมเขาทำหนังสือถึงราชทัณฑ์เพื่อขอพบตนเอง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขากลัวตน แล้วจะขอพบ เพราะถ้าเขาเครียดเมื่อเจอตน เขาคงไม่ทำหนังสือขอพบแน่นอน