เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขา สคบ. จับมือ นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. สนธิกำลังร่วม 4 หน่วยงาน เปิดปฏิบัติการ “ดับควันที่ริมโขง” ลุยกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า จ.หนองคาย- อุดรธานี ภายหลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้ปกครองในพื้นที่เป็นจำนวนมาก แจ้งว่ามีการแอบลักลอบเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ใจกลางเมือง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ที่สำคัญมีลูกค้าที่ซื้อไปสูบเป็นเด็กและเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ห่วงกระทบต่อสุขภาพระยะยาว

โดยนายธสรณ์อัฑฒ์ สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ. ประทีป เจริญกัลป์ รองเลขา สคบ. มอบหมายให้นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. รวม 12 นาย สนธิกำลังร่วมกับ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สคบ. กรมควบคุมโรค โดยสำนักงานควบคุมโรคที่ 8 จังหวัดอุดรธานี สำนักงานด่านศุลกากรจังหวัดหนองคาย นำโดยนายสมบัติ ฆ้อนทอง ผอ.ส่วนควบคุมทางศุลกากร พร้อมปลัดอำเภอเมืองหนองคาย ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียน เมื่อเดินทางไปถึงพบมีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 4 ร้าน มีชื่อร้านว่า “สุดจัดปลัดบอก” ตามที่ประชาชนร้องเรียนจริงเจ้าหน้าที่ สคบ. จึงได้แสดงตัวพร้อมยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และของกลางทั้งหมด ไปสถานีตำรวจภูธรเมืองหนองคาย เพื่อดำเนินคดีกับผู้ขายและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 7 ราย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ สคบ. พร้อมด้วยสำนักงานควบคุมโรคที่ 8 และ กอ.รมน.จังหวัดอุดรธานี สรรพสามิตพื้นที่อุดรธานี ได้ลงพื้นที่ในตัวเมืองจังหวัดอุดรธานี ตรวจสอบการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าตามที่มีการรับแจ้งร้องเรียนมาที่ สคบ. พบมีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 4 ร้าน จึงยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และของกลางทั้งหมด ไป สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ขายและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 8 ราย

เลขาสคบ. กล่าวว่า ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ สคบ. ต้องขอบคุณท่านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นอย่างยิ่งที่ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมควบคุมโรค กอ.รมน. จังหวัดอุดรธานี สรรพสามิตพื้นที่อุดรธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จังหวัดหนองคายและจังหวัดอุดรธานีเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ การปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากสคบ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมากว่าพบเห็นร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบโจ่งแจ้งไม่เกรงกลัวกฎหมายมักเปิดร้านอยู่ใกล้สถานศึกษาจึงมีความเป็นห่วงอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับนโยบายของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ที่ได้มอบนโยบายให้สคบ.ดำเนินการกับผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาดและรายงานผลการดำเนินการให้ทราบ ซึ่งสคบ.ก็ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนที่มีอำนาจตามกฎหมายต้องดำเนินการเพื่อให้กฎหมายสัมฤทธิ์ผล

ผู้สื่อข่าวยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวที่เป็นประชาชนผู้ปกครองของเด็ก นักเรียน นักศึกษาในพื้นที่ จ.หนองคาย และ จ.อุดรธานี สาเหตุที่มีการลักลอบขายมานานและไม่มีหน่วยงานใดมาจัดการ จนมีการร้องเรียนไปที่ สคบ.ส่วนกลาง นำมาซึ่งปฏิบัติการย่องเงียบเข้าพื้นที่ 2 จังหวัดเพื่อดำเนินการ เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันว่าธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ามีบุคคลหนุนหลัง จึงเปิดขายได้มาอย่างยาวนานแบบโจ่งแจ้งโดยไม่ต้องแอบซ่อน บางร้านขายได้วันละหลายหมื่นบาท นับว่าเป็นธุรกิจสีเทาที่สร้างผลประโยชน์มหาศาลให้กลุ่มคนบางกลุ่ม

ส่วนผลจากการปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถดำเนินคดีผู้กระทำความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 29/9 วรรคสอง ประกอบมาตรา 56/4 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยึดของกลางเป็นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หัวสูบพร้อมน้ำยา และอุปกรณ์ทั้งหมด รวมนับหมื่นรายการ รวมมูลค่าของกลางไม่ค่ากว่า 4 ล้านบาท

หากผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครองในท้องที่นั้นๆ เพื่อดำเนินคดีได้ หรือแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 หรือเว็บไซต์ www.ocpb.go.th