หลังจากเสียงโหวตในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ได้เสียงไม่ถึง 376 เสียง ไม่เกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา โดย ส.ว. ไม่โหวตให้ เพราะปัจจัยหลักไม่ยอมถอยต่อปมร้อนในเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

รวมถึงคดีต่างๆ ของ “พิธา” ยังมีความคลุมเครือ โดยล่าสุด โดนเพิ่มอีก 1 คดี สดๆ ร้อนๆ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ปม “พิธา-ก้าวไกล” เสนอร่าง พ.รบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. … เพื่อยกเลิก มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ เคสนี้อาการหนัก เพราะจะมี “นักร้อง” มายื่นให้ ยุบพรรค-ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) 10 ปี ต่อไป หากถูกตัดสินว่าผิดจริง ทำให้ เรื่อง ม.112 จะกลายเป็น โศกนาฏกรรม ทางการเมืองฉากต่อไปของพรรคก้าวไกล เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ หรือไม่??

ถือเป็นการ ต่อยอด เพิ่มเติมจาก คดีถือหุ้นไอทีวี ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของ “พิธา” สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น หรือไม่

วันนี้สถานะของ “พิธา” ย่ำแย่ คดีพันรอบตัว จนผลการโหวต “นายกฯ รอบแรก” ฝันค้างไปไม่ถึงดวงดาว และยังต้องมานั่งลุ้นรายวันว่าจะถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เมื่อไหร่ เพราะ มี “สารตั้งต้น” ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ รับไม้วินิจฉัยตัดสินแล้ว หาก “พิธา” เจอคำสั่งฟ้าผ่าให้ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ก่อนการโหวต “นายกฯ รอบ 2” ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ ทำให้พรรคก้าวไกล ที่มี ส.ส. 151 เสียง หมดตัวเล่น เพราะไม่มี รายชื่อนายกฯ สำรอง และที่สำคัญตามข้อตกลงเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม ที่จะต้องถอยให้ “พรรคเพื่อไทย” พรรคอันดับ 2 ที่มีเสียง ส.ส. 141 เสียง ขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนทันที รวมถึงอาจต้องมีการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มาเป็นพรรคเพื่อไทย โดยชื่อ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน เต็งหนึ่ง

และโหวตนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ อาจส่งผลให้ ดีลตั้งรัฐบาล 8 พรรคร่วมสั่นคลอน เพราะถ้า พรรคเพื่อไทย ยังจับมือกับ “พรรคก้าวไกล” เหมือนเดิม ชะตากรรมคะแนนเสียงก็ไม่ต่างจากคนของพรรคก้าวไกล ในรอบแรก เพราะ ส.ว. ยังไม่ไว้วางใจ หากมีพรรคก้าวไกล ที่ไม่ยอมลดเพดาน เรื่อง มาตรา 112 ลงมา ก็ส่อเค้าลางว่า จะไม่สนับสนุน คนของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน

ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล แล้วให้ได้เสียงของ ส.ว. ก็จำเป็นต้องแยกร่าง ออกมา พลิกขั้วตั้งรัฐบาล กับอดีตพรรคร่วมรัฐบาลเดิม อาทิ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย ฯลฯ โดยเฉพาะ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “พรรค ส.ว.” เป็นต้นทุน เพราะ “3 ป.” ตั้ง ส.ว. ชุดนี้มากลับมือ

ดีลล่ม ส่งผลให้ พรรค “ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย” ไปเป็นฝ่ายค้านแน่นอน ส่งผลให้บรรดา “กองเชียร์-ด้อมส้ม” อกหัก ผิดหวัง เมื่อ “พิธา” ตกสวรรค์ไปไม่ถึงไทยคู่ฟ้า ตรงนี้อาจจะเป็นการ “จุดชนวน” มวลชนลงถนน วนลูปการเมืองไทยที่สลัดไม่พ้นกับความขัดแย้งเหมือนเดิม ถ้ารุนแรงขึ้นก็จะเป็นการกวักมือเรียก “รัฐประหาร” สุดท้ายก็หนีไม่พ้นวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก.