เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. กล่าวถึงแนวทางการลงมติโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. ว่า ทุกครั้งก่อนที่จะมีการลงมติในสภาเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ ประเพณีของพรรค ชทพ. คือ จะมีการประชุมล่วงหน้าก่อน 1 ชั่วโมง โดยเวลา 08.30 น. วันที่ 19 ก.ค. จะเชิญ ส.ส. ทั้งหมด 10 คนของพรรค รวมถึง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือกันถึงแนวทางการลงมติเรื่องดังกล่าว

เมื่อถามถึงท่าทีของ 8 พรรคร่วม ที่จะเสนอให้มีการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล รอบ 2 นายวราวุธ กล่าวว่า พรรค ชทพ. ยังสงสัยอยู่ว่าในเมื่อมีญัตติเสนอชื่อนายพิธาไปรอบแรกแล้ว ยังจะสามารถเสนอรอบสองได้อีกหรือไม่ เพราะตามข้อบังคับการประชุมหากญัตติใดมีการเสนอแล้ว ลงคะแนนจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ไม่น่าเสนอญัตติเดิมได้อีก จึงเป็นที่สงสัยว่า ในวันที่ 19 ก.ค. ทางพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วม ยังสามารถเสนอญัตติเดิมอีกหรือไม่

เมื่อถามว่า พรรค ชทพ. มีแนวโน้มที่จะงดออกเสียงอีกใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ต้องขอดูก่อนว่ายังจะสามารถเสนอญัตติเดิมได้อีกหรือไม่ แล้วจึงจะหารือกันภายในพรรคอีกครั้งหนึ่ง แต่อาจจะไม่งดออกเสียงแล้ว เพราะถ้าขัดกับแนวทางการทำงานของสภา เราก็ไม่เห็นด้วยที่จะเสนอซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า ในช่วงนี้แกนนำพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วมพยายามที่จะพูดคุยให้พรรคหรือ ส.ว. ที่งดออกเสียง เปลี่ยนใจมาสนับสนุน นายวราวุธ กล่าวว่า ก็เป็นไปตามข่าว เพราะเมื่อช่วงสายวันที่ 16 ก.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้โทรศัพท์มาหาตน และบอกว่ามีการส่งเทียบเชิญมายังพรรค ชทพ. จากพรรคก้าวไกล อยากจะขอให้พิจารณาในการเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งตนได้บอกไปว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้ ตนไม่สามารถตอบรับได้ทันที คงต้องขอนำเข้าหารือในที่ประชุมพรรค และหารือกับ ส.ส. ในพรรคก่อนว่าแนวทางเป็นอย่างไร และได้ยืนยันไปว่าแนวทางของพรรค ชทพ. คือ ไม่แตะต้องเรื่องการแก้ไข ม.112 และเชิดชู เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังเป็นแนวทางหลักของพรรค ชทพ. อยู่

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าถ้าพรรคก้าวไกลยังไม่ยอมถอยเรื่อง ม.112 ก็ไม่สามารถร่วมงานกันได้ใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า จะว่าอย่างนั้นก็ถูกต้อง หลายท่านอาจสงสัยว่าแล้วทำไมตอนแรก พรรค ชทพ. ถึงได้งดออกเสียง ก็ต้องขอเรียนว่าการงดออกเสียงของพรรค ชทพ. ไม่ได้แปลว่าไม่มีความเห็น แต่เราให้เกียรติคนที่เลือกพรรคก้าวไกลเข้ามา และเราให้เกียรติพี่น้องประชาชนที่เลือกทั้งพรรคเล็กและพรรคใหญ่ให้เข้าสภา จึงได้งดออกเสียงไป แต่ถ้าจะมีการดำเนินการอะไรที่ไม่ตรงแนวทางปฏิบัติ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับรัฐสภา นั่นก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะลงคะแนน

เมื่อถามว่า ถ้ามีการเสนอชื่อนายพิธารอบ 2 เป็นไปได้หรือไม่ว่า พรรค ชทพ. จะโหวตสวนไปเลย ในเมื่อรอบแรกได้งดออกเสียงไปแล้ว นายวราวุธ กล่าวว่า “ก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่จะต้องหารือกับ ส.ส. ในพรรคก่อน เพราะเราทำอะไรจะต้องไปในแนวทางเดียวกัน ไม่อยากจะปล่อยให้ฟรีโหวต เพราะไม่ได้ต่างคนต่างทำงาน เราทำงานด้วยกันในนามพรรค ชทพ.”

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่า หากรอบนี้โหวตสวน จะโดนทัวร์ลงเหมือน ส.ว. นายวราวุธ กล่าวว่า เราโดนทัวร์ลงมาเยอะแล้ว และเข้าใจดีว่าการโดนทัวร์ลงนั้นเป็นความคิดเห็นของคนกลุ่มหนึ่ง แต่ในเมืองไทยความคิดเห็นของแต่ละกลุ่มคนก็หลากหลาย เราต้องเคารพแนวทางที่แตกต่าง นั่นเป็นวิถีของประชาธิปไตย ไม่ใช่จะต้องเห็นเหมือนกันหมด และไม่ใช่ว่าจะบังคับให้ใครคิดแบบเดียวกันหมด       

เมื่อถามถึงกรณีพรรคก้าวไกลยื่นเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ปิดสวิตช์ ส.ว. นายวราวุธ กล่าวว่า มาตรา 272 ในประโยคแรกระบุว่า ภายใน 5 ปีหลังจากใช้รัฐธรรมนูญ จะให้อำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ นั่นสะท้อนให้เห็นว่าอีกไม่นาน วรรคนี้จะหมดความหมายลง เนื่องจากเลยกำหนดเวลาในบทเฉพาะกาลแล้ว ดังนั้นการจะแก้รัฐธรรมนูญในช่วงนี้จะเป็นการสร้างเงื่อนไขใหม่ให้เกิดความซับซ้อนและกินเวลาในการโหวตเลือกนายกฯ ฉะนั้นถ้าจะแก้ไขแค่มาตรา 272 มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับดีกว่า ซึ่งพรรค ชทพ. ยังยึดมั่นนโยบาย ซึ่งคล้ายกับอีกหลายพรรคคือ ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอาจจะยึดโมเดลของรัฐธรรมนูญปี 40 และเพิ่มเติมปรับปรุงเข้าไปให้เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะแก้มาตราใดหรือบทใด หัวใจสำคัญของพรรค ชทพ. ต้องไม่มีการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ใดๆ ทั้งสิ้น.