ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) แจ้งว่า เริ่มเข้าพื้นที่ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย ชบ.3023 แยก ทล.315-บ้านหนองปลาไหล อ.พานทอง, บ้านบึง จ.ชลบุรี ระยะทาง 12.242 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณ 879.800 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 68

โดยได้ก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 4 ช่องจราจร ช่วง กม.ที่ 0+000 ถึง กม.ที่ 9+200 กว้างช่องละ 3.5 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2-3 เมตร ทางเท้ากว้างข้างละ 3.4-3.7 เมตร มีเกาะกลางถนนแบบคอนกรีตแบริเออร์

และมีการปรับปรุงถนนก่อสร้างเป็นผิวจราจรแบบแอสฟัลต์คอนกรีต ช่วง กม.ที่ 9+200 ถึง กม.ที่ 12+242 ความกว้างช่องละ 3.25-3.50 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2-2.5 เมตร ทางเท้ากว้างข้างละ 3.70 เมตร มีเกาะกลางถนนแบบคอนกรีตแบริเออร์ รวมถึงจะมีการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลอง 3 แห่ง มีการขยายสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 แห่ง ก่อสร้างสะพานลอยคนเดินข้าม 3 แห่ง ก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสาร 8 แห่ง และระบบระบายน้ำ ติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง เครื่องหมายจราจร สิ่งอำนวยความปลอดภัยอีกด้วย

นอกจากนี้ก่อนดำเนินการก่อสร้าง ทช. จัดประชุมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน และลงนามบันทึกความร่วมมือ 3 ฝ่าย (MOU) ระหว่าง ทช. ผู้รับจ้าง และผู้แทนประชาชน นำเสนอความเป็นมา ลักษณะของโครงการ ขั้นตอนการดำเนินงาน และรายงานผลการดำเนินงาน พร้อมทั้งมีการตอบข้อซักถาม รับฟังข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นจากผู้นำชุมชน ประชาชน หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้งานสอดคล้องกับความต้องการ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด

ถนนทางหลวงชนบทสาย ชบ.3023 แยก ทล.315-บ้านหนองปลาไหล เป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนใช้สัญจรจาก อ.บ้านบึง ไปยัง อ.พานทอง ทั้งยังสามารถเดินทางเชื่อมไปยังทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ผ่าน ทล.315 และเป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ ซึ่งสภาพถนนปัจจุบันส่วนใหญ่ มีขนาด 2 ช่องจราจร และบริเวณช่วง กม.ที่ 0+084 ถึง กม.ที่ 0+150 มีลักษณะช่องแคบเป็นคอขวด ผิวจราจรกว้าง 6 เมตร ไม่มีไหล่ทาง ส่งผลให้การจราจรเกิดความแออัดและติดขัดในช่วงเร่งด่วน ในขณะที่ถนนช่วงบริเวณจุดสิ้นสุดโครงการจะมีขนาด 4 ช่องจราจร

เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณคอขวด รองรับปริมาณการจราจรในอนาคตที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม สนับสนุนเศรษฐกิจการขนส่งและภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อย่างยั่งยืน