เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กทม. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ข้าราชการหญิง เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หลังถูก นายดำ (นามสมมุติ) อายุประมาณ 41 ปี หลอกให้ซื้อรถก่อนนำไปจำนำแล้วไม่ยิมจ่ายค่างวด ทำให้ฝ่ายหญิงมีหนี้สินกว่า 5 ล้านบาท ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันในแอปพลิเคชันหาคู่รายหนึ่ง เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยฝ่ายชายทำตัวน่าเชื่อถืออ้างว่าจบปริญญาตรี 2 ใบ มีเงินฝากอยู่ต่างประเทศ และเชี่ยวชาญในด้านการเล่นหุ้น forex ก่อนหน้านี้ฝ่ายหญิงมีหนี้อยู่ 800,000 บาท ฝ่ายชายบอกว่าขอให้ทำตามที่บอกก็จะช่วยปลดหนี้ให้

โดย นายดำ ออกอุบายให้ น.ส.เอ ไปซื้อ รถ 2 คัน ยี่ห้อ มินิคูเปอร์ และ โตโยต้า คัมรี่ ก่อนจะบอกว่าจะหาคนมาสอนขับรถให้ แต่ก็ไม่ทำตามที่พูด พอสงสัยก็เริ่มตวาดข่มขู่ ทั้งที่ น.ส.เอ เป็นไบโพล่า รักษาอาการป่วยมา 7 ปี มีภาวะหวาดกลัว ตัวสั่น หากได้รับการตะคอกข่มขู่ ระยะหลังฝ่ายชายบอกให้พาไปซื้อทอง ซื้อโทรศัพท์มือถือ พอทวงเงินฝ่ายชายที่สัญญาจะจ่ายเงินค่ารถให้ ก็อ้างว่าไม่มีและให้ฝ่ายหญิงกลับไปแก้ปัญหาหนี้สินเอาเอง ทำให้เกิดการะทะเลาะกันอย่างหนัก จนฝ่ายชายลงไม้ลงมือตบเข้าที่กกหู ก่อนที่ฝ่ายชายจะเอารถทั้งหมดไปจำนำกับเต็นท์รถ ตอนนี้มีโทรศัพท์เข้ามาทวงถามหนี้งวดทุกวัน ฝ่ายชายก็ให้ น.ส.เอ ไปยืมเงินเพื่อนสนิทที่ทำงานมาก่อน รวมทั้งบอกให้แม่ของ น.ส.เอ ไปหาเงินมาให้ฝ่ายชายด้วย โดยฝ่ายชายจะอ้างตลอดว่า เขามีเงินในต่างประเทศ ต่างธนาคารใช้เวลาหลายวัน ถ้าได้เงินมาแล้วจะคืนให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คืน อ้างว่าเป็นเพราะตนปฏิบัติไม่ดี พูดไม่ดีกับเขา

น.ส.เอ กล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกกังวลในเรื่องความปลอดภัย ทั้งโทรศัพท์มือถือ อีเมล เขาสามารถเข้าถึงได้หมด ข่มขู่ว่าจะทำร้ายแม่และน้อง พอเลิกกันเขาไม่รับโทรศัพท์ อ้างว่าตัวเองมีอิทธิพลใน 9 จังหวัดภาคใต้ อ้างว่ามีอิทธิพลในเขตลาดพร้าว ตนหวาดกลัว รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย สุดท้ายขอมาพึ่งเพจสายไหมต้องรอดว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อที่จะจัดการกับคน ๆ นี้ อย่างน้อยก็ไม่ให้ไปก่อเหตุกับใครอีก เพราะทราบว่ามีผู้หญิงที่ภาคใต้เป็นครู ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน มีการให้ไปซื้อรถ ซื้อบ้านและสุดท้ายภาระก็เป็นของฝ่ายหญิง เรื่องนี้อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

น.ส.เอกกล่าวด้วยว่า สุดท้ายตนต้องเป็นหนี้เกือบ 5 ล้าน บัญชีต่าง ๆ ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากติดสินเชื่อ เงินติดตัวก็ไม่มี สุดท้ายได้พี่ช่วยให้ค่ารถไปเดินทางไปทำงาน ตนยังติดหนี้เพื่อนอีก ตอนนี้กลัวว่า จะล้มละลาย แต่การล้มละลายก็ยังไม่เท่ากับทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำให้แม่เดือดร้อน มันเอาแม้กระทั่งเงินของน้องตน 500 บาทมันก็เอา

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า เดี๋ยวนี้วิธีของมิจฉาชีพจะใช้ชื่อเฝของเหยื่อในการซื้อรถ แล้วเอารถของเหยื่อไปจำนำ อย่างกรณีล่าสุดนี้ใช้เวลาเพียง 3 เดือน ทำผู้เสียหายหมดเงินไปเกือบ 5 ล้านบาท เมื่อสอบถามผู้เสียหายถึงทราบว่า ไม่ใช่การคบหา ฝ่ายมิจฉาชีพต้องการมาหลอก อ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องหุ้น forex ใช้วิธีการกู้ยืมเงินกับทางธนาคาร อ้างว่าจะหาทางปิดหนี้กับทางสหกรณ์จำนวน 800,000 บาทให้ สุดท้ายแค่ 3 เดือนทำให้ผู้หญิงตกเป็นหนี้สินถึง 5 ล้านบาท การเป็นนักข้าราชการหากเป็นหนี้สถาบันการเงินก็จะเป็นบุคคลล้มละลายสุดท้ายต้องออกจากราชการ ฝ่ายชายพาไปกู้ อ้างว่าเป็นการสร้างเครดิต แต่สุดท้ายเงินที่กู้มาฝ่ายหญิงไม่ได้ใช้ ฝ่ายมิจฉาชีพเอาไปหมด จัดการโอนเงินแฮกข้อมูลของฝ่ายหญิงทั้งหมดถือว่าเป็นบุคคลอันตราย มีการถ่ายภาพไว้แบล็กเมล์ คนแบบนี้เอาไว้ไม่ได้ เป็นสูตรสำเร็จของมิจฉาชีพ.