เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กก่อนการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง ระบุถึง 4 ประเด็น ฝากถึง สว. ทุกท่าน โดยมีเนื้อหาดังนี้ 1.ภายในสถานการณ์ปกติ ในรัฐธรรมนูญปกติของนานาอารยประเทศ วันนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะผ่านการเลือกตั้งมาเกิน 2 เดือนแล้ว รัฐบาลร่วมของ 8 พรรค ซึ่งได้ 312 เสียง ถือเป็นเสียงข้างมากในสภา มีผมเป็นนายกรัฐมนตรี คงหน้าดำคร่ำเครียดแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอยู่ แต่ที่เรายังต้องอยู่กันแบบนี้ในวันนี้ ก็เพราะภายในรัฐธรรมนูญนี้เสียงของประชาชนมันไม่เพียงพอ ผมต้องมาขอความเห็นชอบจากท่าน เพื่อจะได้เข้าไปบริหารประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน

นายพิธา ระบุว่า 2.เมื่อปี 2562 สว. จำนวน 249 จาก 250 คน เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านให้เหตุผลว่าไม่ได้โหวตให้กับประยุทธ์ แต่โหวตให้กับผู้ที่ถือเสียงข้างมากในสภาล่าง มาวันนี้พวกผมถือเสียงข้างมากในสภาล่างแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องลำบากใจในการโหวตให้ผมหากท่านยึดหลักการดังกล่าวจริง นอกจากนี้ ในการโหวตเมื่อ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา สว. หลายท่านเลือกงดออกเสียง หรือขาดประชุมไปเลย โดยให้เหตุผลว่ายึดหลักการว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ควรเป็นหน้าที่ของ สว. ทั้งที่ท่านทราบดีว่าการกระทำแบบนี้ จะได้ผลตรงข้าม คือเท่ากับเป็นการขัดขวางการโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ให้เป็นไปตามเสียงของสภาล่าง ในวันนี้ ผมขอวิงวอนว่า หากท่านยึดถือหลักการตามที่ท่านให้เหตุผลตามนี้จริง ไม่ได้กระทำไปด้วยเหตุอื่น โปรดโหวตให้กับนายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของเสียงข้างมากจากประชาชน

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุอีกว่า 3.ส่วนท่านที่โหวตไม่เห็นชอบโดยให้เหตุผลว่าพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี มุ่งทำลายสถาบัน ผมขอกล่าวต่อหน้าสภาแห่งนี้ว่ามีร้อยแปดเหตุผลที่ทำให้ท่านไม่อยากให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการกระทบผลประโยชน์ของท่าน กลุ่มทุนที่ท่านสนับสนุนอยู่ แต่ท่านรู้ดีว่าไม่สามารถอ้างเหตุผลเหล่านี้ได้ ท่านจึงเลือกใช้เหตุผลว่าเราไม่จงรักภักดี ผมขอถามว่าการกระทำแบบนี้ส่งผลดีต่อสถาบันหลักของชาติอย่างไร และนี่ไม่ใช่การดึงสถาบันเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับประชาชน อย่างนั้นหรือ?

นายพิธา ระบุต่อว่า 4.สถานการณ์บ้างเมืองวันนี้ อาจะเรียกว่า “ฝุ่นตลบ-มืดมน-ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะไปในทิศทางไหน” ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ท่านจะตัดสินใจอย่างไรให้ถูกต้องและพาชาติพ้นจากวิกฤติ? ผมยืนยันว่าในยามที่มืดมน ไม่รู้จะยึดอะไร มี 2 สิ่งที่ยึดไว้แล้วปลอดภัยเสมอ นั่นก็คือ “ยึดหลักการ” และ “ยึดมติประชาชน” ท่านตัดสินใจโหวตตามหลักการและโหวตตามเสียงประชาชน รับใช้ประชาชน ผมรับรองว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ชื่อของท่านจะถูกจารึกไว้บนแผ่นดินนี้อย่างมีเกียรติ เป็นที่ภาคภูมิใจของลูกหลาน.