จากกรณี​กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งขยายผลปราบปรามขบวนการลอบนำเข้าหมูเถื่อนเข้าไทย โดยเตรียมออกหมายเรียก 17 สายเดินเรือและบริษัทนำเข้ามาให้ข้อมูล โดยทราบว่ามีนายทุนบงการอยู่ 2-3 ราย นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีเรือรับขนจากต่างประเทศเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยหลบเลี่ยงการสำแดงสินค้า อ้างว่าเป็นสินค้าแช่แข็งชนิดอื่น จากนั้นจะมีห้องเย็นมารับสินค้า ก่อนกระจายไปยังกลุ่มผู้ค้าคนกลาง เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับรายย่อยผ่านช่องทางโชเซียล จากนั้นขยายผลบุกเข้าตรวจค้นห้องเย็นใน จ.สมุทรสาคร นครปฐม และ จ.สมุทรปราการ พบซากหมูเถื่อนจำนวนหนึ่ง ตามที่เดลินิวส์เสนอข่าวให้ทราบนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 22 ก.ค. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหมูเถื่อน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า กรณีพบกลุ่มนายทุน 2-3 ราย เข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนนั้น ในจำนวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ มีบริษัทนำเข้าสินค้าที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 11 แห่ง ในจำนวนนี้มี 4-5 บริษัทขนาดใหญ่ที่รับหน้าที่นำเข้าอาหารแช่แข็ง หรือเรียกว่าขาใหญ่ในวงการนำเข้าสินค้าอาหารแช่เเข็ง อย่างไรก็ตามยืนยันว่า 4-5 บริษัทนี้ไม่ใช่กลุ่มนักการเมือง 

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนพฤติการณ์ที่ดีเอสไอพบ คือบริษัทเหล่านี้มีการนำเข้าสินค้าแช่แข็งบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาอาจมีหลุดรอดไปหลายส่วนบ้างแล้ว จนเหลือเพียง 161 ตู้ที่เจ้าหน้าที่ติดตามพบ อีกทั้งจากข้อมูลที่ระบุว่ามีการนำเข้าสินค้าแช่แข็งจำนวนมากนั้น บางรายการสำแดงเป็นอาหารแช่แข็งประเภทเนื้อปลา เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ดังนั้นสินค้าเหล่านี้จะผ่านเข้าช่องสินค้ายกเว้นการตรวจ บริษัทขนาดใหญ่ 4-5 แห่งนี้ เกี่ยวข้องกับขบวนการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน เพราะมีพฤติการณ์นำเข้าจำนวนมาก 

หัวหน้าคณะฯ ระบุต่อว่า สัปดาห์หน้าคณะพนักงานสอบสวน จะมีการประชุมเพื่อมีมาตรการเข้มข้น ในการดำเนินการกับบริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบริษัทของไทย และมีแหล่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล นอกจากขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนแล้ว เรายังพบว่ามีขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อวัว ในพื้นที่ภาคใต้อีกด้วย เบื้องต้นพบว่าเป็นการนำเข้าลักษณะกองทัพมด ผ่านห้องเย็นบรรจุในกล่องเหมือนที่ท่าเรือแหลมฉบัง และนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการพบโดยสามหน่วยงาน ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร และดีเอสไอ 

พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยอีกว่า ส่วนจำนวนปริมาณเนื้อวัวที่มีการลักลอบนำเข้านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์ อีกทั้งตนยังได้รับรายงานว่า กรมศุลกากรอาจจะมีการตรวจยึดไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ทางกรมศุลกากรกับกรมปศุสัตว์ อาจจะมีการรายงานแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ให้ดำเนินการ เนื่องจากในกรณีที่ดีเอสไอจะเข้าไปร่วมบูรณาการหรือรับเป็นคดีพิเศษ ต้องมีความเสียหายมากกว่า 30 ล้านบาท 
จากนั้นพนักงานสอบสวนในท้องที่ จึงจะประสานและส่งสำนวนมาให้ดีเอสไอ รับหน้าที่ต่อเหมือนกับคดีขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน 161 ตู้
ต่อข้อถามสำนวนคดีที่ได้รับจากตำรวจ สภ.แหลมฉบัง เป็นอย่างไรบ้างนั้น พ.ต.ต.ณฐพล ตอบว่า สภ.แหลมฉบัง ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ในฐานะผู้กล่าวหาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการสอบปากคำภาพรวมเนื้อหาที่พบ คือสอบในประเด็นลักษณะความผิดเฉพาะบริษัท แต่ในส่วนที่ดีเอสไอต้องดำเนินการต่อ คือการสอบสวนขยายผลไปถึงตัวการผู้อยู่เบื้องหลัง เราจะเริ่มจากการสอบปากคำบริษัทสายเรือทั้ง 17 แห่ง ในฐานะพยานก่อน เพื่อขอข้อมูลในประเด็นที่ว่ามีบริษัทใดทำการสั่งสินค้า และบริษัทใดที่มาว่าจ้างให้สายเรือไปรับสินค้าและรับสินค้าที่ไหน เป็นต้น 

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ขณะนี้ดีเอสไอ อยู่ระหว่างรอเอกสารที่ได้ส่งไปยังบริษัทสายเรือทั้ง 17 แห่ง โดยเป็นเอกสารเกี่ยวกับบริษัทผู้ว่าจ้างให้ขนส่งสินค้า และสินค้าดังกล่าวที่ได้รับว่าจ้างเป็นสินค้าประเภทไหน คาดว่าจะได้รับครบถ้วนภายในสัปดาห์นี้ ภายหลังรับเอกสารชี้แจงครบถ้วนจาก 17 สายเรือแล้ว ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบเอกสาร จากนั้นถึงเข้าสู่ขั้นตอนการออกหมายเรียกพยานแก่สายเรือทั้ง 17 แห่ง เพื่อให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงตามเนื้อหาภายในเอกสาร ถัดไปจะออกหมายเรียกพยาน แก่บริษัทชิปปิ้งเอกชนทั้ง 11 แห่งให้เข้าให้ปากคำ

ต่อข้อถามขณะนี้มีกลุ่มนักการเมือง เข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนบ้างหรือไม่ พ.ต.ต.ณฐพล ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่พบมีเพียงสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ที่ให้ข้อมูลผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อ ยังไม่ได้มอบพยานหลักฐานเอกสารใดกับดีเอสไอ ตอนนี้ดีเอสไอขอให้ประชาชนหรือผู้เกี่ยวข้อง มีข้อมูลแจ้งเบาะแสได้ทันที.