เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับข้อมูลจากนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่ายว่า วันนี้ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 จังหวัดสงขลา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ยื่นฟ้อง นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา กรณีกล่าวหาเมื่อระหว่างวันที่ 1-4 ก.พ. 2548 จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ (ขณะนั้น) โดยมิชอบด้วยการออกคำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายขาดเงินสะสมซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณของเทศบาลนครหาดใหญ่ 20 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยในพระราชูปถัมภ์ ใช้เป็นทุนในการจัดทำโครงการจัดสร้างวัตถุมงคล ”หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมงคลมหาราช” แทนเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้พุทธศาสนิกชนเช่าบูชาเพื่อหารายได้ในการบูรณะซ่อมแซ่มและปิดทององค์พระ “พระพุทธมงคลมหาราช” พระพุทธรูปประจำเมืองหาดใหญ่

โดยหลังจากมีคำสั่งโอนเงินจ่ายขาดเงินสะสมจนถึงวันที่ 10 ก.ค. 50 มีการโอนเงินให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคล เป็นค่าจ้างในการจัดสร้าง แต่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการในการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นการทุจริตเอื้อประโยชน์ให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคล ได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทนจากการรับจ้างโดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้จำเลยมีหนังสือขอเบิกจ่ายเงินขาดสะสมที่ฝากไว้กับมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยฯ เป็นค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ บวงสรวง ปลูกเสา และเททองพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายเอื้อประโยชน์ให้ได้รับค่าตอบแทนในการรับจ้างประชาสัมพันธ์ โดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย

เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90, 91, 151, 157 จำเลยให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เห็นว่าไร้เจตนาพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง อัยการสูงสุดยื่นฎีกาต่อ

นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฏีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ตามที่ น.ส. นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด จำคุกตามฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยผิดตาม ปอ.151 จำคุก 5 ปี จำคุกตามฟ้องข้อ 5 ข้อ 6 กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 9 ปี ไม่รอลงอาญา ให้ริบเงิน 26,900,000 บาท จำเลยโอนคืนไปบางส่วน 12,400,000 บาท ยังคงให้ริบ ส่วนที่ขาด 14,500,000 บาท.