เมื่อวันที่ 26 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยระหว่างรายการโหนกระแสว่า ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติในการเป็นสส.เนื่องจากเคยเป็นนักโทษ ติดคุกนั้น มีรายงานว่าสส.เขต 3 พรรคก้าวไกล คือนายนครชัย ขุนณรงค์ สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานกกต.จังหวัดระยองได้มีการส่งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งสส.ของนายนครชัย มายังสำนักงานกกต.กลางเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติสส.เข้าข่ายเป็นอำนาจวินิจฉัยของกกต.กลางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีดังกล่าวมีผู้ยื่นร้องต่อกกต.จังหวัดระยอง มาตั้งแต่ช่วงสมัครรับเลือกตั้งสส. แต่ในขณะนั้นกกต.จังหวัดระยอง ได้หลักฐานเป็นเพียงเลขสำนวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่กกต.ได้มีหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครโดยพบว่านายนครชัย ต้องคดีลักทรัพย์ ในพื้นที่จ.ชลบุรี ช่วงปี 2542 – 2543 แต่เมื่อนำเลขสำนวนดังกล่าวไปที่ศาลชั้นต้นเพื่อค้นหาคำพิพากษากลับไม่พบ เพราะต้องค้นหาด้วยหมายเลขคดีหมายเลขแดง ทำให้ผอ.กกต.จังหวัดระยอง ต้องประกาศให้นายนครชัย เป็นผู้สมัครไปก่อน

ซึ่งหลังจากกกต.กลางประกาศผลการเลือกตั้งก็มีผู้มายื่นคำร้องต่อกกต.จังหวัดระยอง และกกต.กลาง ทางกกต.จึงส่งเรื่องให้ทางกกต.จังหวัดระยองดำเนินการ โดยในคำร้องดังกล่าวได้มีการแนบหลักฐาน เป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยมีคดีหมายเลขแดงมาด้วย ที่มีเนื้อหาระบุว่านายนครชัย ให้การรับสารภาพ ศาลจึงได้สั่งลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ซึ่งนายนครชัย ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ จึงถือว่าคดีถึงที่สุด แต่ทั้งนี้ทางสำนักงานกกต.จังหวัดระยอง อยู่ระหว่างขอคัดสำเนาคำพิพากษา เพื่อให้ได้หลักฐานชัดเจนว่านายนครชัย ต้องคำพิพากษาจริง และคดีดังกล่าวเป็นคดีในฐานความผิดที่กฎหมายกำหนดเป็นลักษณะมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งจริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่ากรณีดังกล่าวจะคล้ายกับกรณีของนายสิระ เจนจาคะ อดีตสส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวันในคดีฉ้อโกงเมื่อปี 2538 ที่ถูกสั่งจำคุก 8 เดือน แต่รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 เดือน ซึ่งนายสิระ ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ทำให้คดีถึงที่สุด และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2564 ว่าเหตุดังกล่าวทำให้นายสิระ เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 98 (10) แต่จะมีความแตกต่างตรงที่ของนายนครชัย ต้องคดีลักทรัพย์

อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในมาตรา 98 ระบุไว้ว่าบุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

(1) ติดยาเสพติดให้โทษ

(2) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ

(4) เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 96 (1) (2) หรือ (4)

(5) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

(6) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

(7) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

(9) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

(10) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน

(11) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง

(12) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง

(13) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

(14) เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี

(15) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจหรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

(16) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

(17) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

(18) เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือมาตรา 235 วรรคสาม