กรณีเมื่อวันที่ (30 ก.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปและภาพนิ่งผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมระบุ ถูกกลุ่มคนขับแท็กซี่ 5-6 คน ลงจากรถล้อมแท็กซี่สีเขียวเหลือง ที่มีผู้โดยสาร 3 คน อยู่ในรถ แต่ขณะที่ลดกระจกพูดคุยกัน ปรากฏว่ากลุ่มคนขับแท็กซี่ ทุบที่ลำตัวของผู้โดยสารสาว และทำร้ายผู้โดยสารชาย 2 คน ที่อยู่ในรถ พร้อมพูดจาหยาบคาย ท้าให้ผู้โดยสารที่อยู่ในรถทั้ง 3 คน ลงมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ต่อหน้าตำรวจสายตรวจ 2 คน ที่ผ่านมาพอดี
เหตุเกิดใจกลางย่านทองหล่อ หน้าซอยสุขุมวิท 38 ผู้โดยสาร 3 คน ชาย 2 คน หญิง1 คน ได้เรียกแท็กซี่ตรงปากซอยทองหล่อ 12 โดยเรียกแท็กซี่คันแรกสีเหลือง ป้ายขาวดำ ซึ่งเป็นแท็กซี่เถื่อน คันนี้ปฏิเสธที่จะไป พอถามคนขับว่า “ทำไมถึงไม่ไป รถพี่ผิดกฎหมายนี่ ทะเบียนเป็นป้ายขาวดำ” แล้วแท็กซี่ก็ลงจากรถเพื่อหาเรื่อง แต่ผู้โดยสารขึ้นรถแท็กซี่คันหลังแล้ว ขณะนั้นแท็กซี่เถื่อนคันนั้น ก็ขับตามมาประกบด้านซ้าย ตะโกนให้จอดรถ ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด้วยความโมโหเจ้าของโพสต์ จึงด่าแจกกล้วยกลับไป
จากนั้นแท็กซี่ กดมือถือเหมือนเรียกพวก แล้วแท็กซี่เถื่อนก็ปาดหน้ารถ หาเรื่องต่อ จึงบอกคนขับว่าให้ไปต่อ ไม่ต้องไปสนใจ โดยได้โทรหา ตำรวจ สน.ทองหล่อ แต่แท็กซี่ที่มาหาเรื่องก็บอกว่า “เอาเลย! ตำรวจทองหล่อ เอกมัยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” หลังจากนั้น มีแท็กซี่กลุ่มใหญ่มาจอดริมถนน และชายฉกรรจ์ 5-6 คน ลงจากรถแท็กซี่มาล้อมรถ พร้อมกับทำร้ายผู้โดยสารที่อยู่ในรถ ตำรวจสายตรวจผ่านมาพอดี แต่ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ หลังจากนั้นแก๊งชายฉกรรจ์แยกย้ายกันหลบหนี
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 31 ก.ค. โดย พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ก.ค.) กลุ่มแท็กซี่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คน เดินทางเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกแล้ว ให้การว่า ไม่ได้ขับรถแท็กซี่เถื่อน แต่เป็นการขับรถแท็กซี่เรียกรับผ่านแอปพลิเคชัน โดยในเวลานั้นมีผู้โดยสารเรียกตนผ่านแอปฯพอดี ปรากฏว่ากลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในสภาพเมา มาเปิดประตูเพื่อเรียกรถ ตนจึงปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร เพราะติดรับผู้โดยสารผ่านแอปฯ แล้ว กลุ่มผู้เสียหายจึงไม่พอใจ เปิดประตูรถเสียงดังและทุบรถ พร้อมตะโกนด่าว่า ตนเป็นรถป้ายดำมาวิ่งได้ยังไง แถมชูนิ้วกลางใส่ จึงขับรถตามไป เกิดเป็นเหตุการณ์ตามคลิป
ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยอีกว่า ไม่มีตำรวจนายใดใน สน.ทองหล่อ พัวพันหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้มีอิทธิพลในกลุ่มรถโดยสารสาธารณะแน่นอน ไม่มีส่วนรู้เห็นกับแก๊งแท็กซี่เถื่อน หรือกลุ่มมาเฟียผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ทุกคนทำหน้าที่ด้วยความสุจริต หากพบเห็นการกระทำความผิดในรื่องการใช้รถผิดประเภท ตำรวจก็มีการออกใบสั่งปรับและจับกุมอยู่แล้ว แต่ในส่วนของทะเบียนเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมการขนส่งในการจัดการต่อไปคนละส่วนกัน
ส่วนเรื่องคดี เบื้องต้นผู้เสียหายไม่ยอมความ และยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพียงแต่ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากในคดีทำร้ายร่างกาย ต้องมีใบรับรองแพทย์จากผู้เสียหาย โดยต้องใช้เวลา 5 วันเนื่องจากติดช่วงวันหยุดของโรงพยาบาล ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ขับขี่เกี่ยวกับความผิด ตาม พรบ.การจราจรทางบก โดยการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาเป็นรถยนต์สาธารณะ เข้าข่ายเป็นการใช้รถผิดประเภท และการหยุดและจอดรถโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้หลังจากที่ได้รับใบแพทย์จากผู้บาดเจ็บและจะเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุมาแจ้งข้อหาและส่งตัวดำเนินคดีในชั้นศาลต่อไป.