จากกรณีที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โพสต์ไอจีแจ้งข่าวดีคนเสื้อแดงว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะกลับประเทศไทย วันที่ 10 สิงหาคมนี้ โดยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว ลงจอดที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งทำให้อุณหภูมิการเมืองจากเดิมที่ร้อนอยู่แล้ว กลายเป็นร้อนแรงกว่าเดิมอีก และประชาชนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แม้ล่าสุดเกิดกระแสจับตาว่า อาจไม่กลับไทยตามกำหนดนั้น ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

โดยวันนี้ ทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่เป็นทรัพย์สินของตะกูล ชินวัตร มีทั้งหมดถึง 2 ลำ ด้วยกัน

ในปี 2558 เครื่องบินเจ็ตลำแรกของครอบครัวชินวัตรคือ รุ่น GLOBAL EXPRESS สีขาว ราคา 1,500 ล้านบาท มีเลขทะเบียนเป็นเบอร์ 888 เขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ โดยอยู่บริเวณหางเครื่องบิน ซึ่งถูกเรียกว่า “ทักกี้ แอร์ไลน์” ตามรายงาน เคยใช้เดินทางไปจอดที่ นิการากัว ในฐานะทูตกิตติมศักดิ์ โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ที่ถูกถอดยศ พ.ต.ท. และมีการคาดว่าจะเป็นลำที่พาทักษิณกลับบ้านเกิด ในวันที่ 10 ส.ค. นี้

ต่อมามีสื่อรายงานว่า ทักษิณได้ซื้อเครื่องบินเจ็ตลำใหม่ เพื่อทดแทน Global Express หรือ ทักกี้ แอร์ไลน์ เปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่กว่าอย่าง Gulf stream รุ่น G650-ER ซึ่งราคาในขณะนั้น เริ่มต้นที่ 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถ้าหากเทียบเป็นเงินไทยประมาณ 2,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายส่วนอื่นอีก ที่จะตามมาตลอดในการใช้งาน โดยสามารถแบ่งออกมา 2 ประเภทหลัก
1.ต้นทุนคงที่ เช่น เงินเดือนนักบินและพนักงานส่วนต่าง ๆ และโรงเก็บเครื่องบิน, ประกันภัย เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 27 ล้านบาท
2.ต้นทุนผันแปร เช่น ค่าน้ำมัน, ค่าซ่อมบำรุง, ค่าธรรมเนียมการจอดจากสนามบิน เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 28 ล้านบาท
และถ้ารวมแล้วตลอดการใช้งานต่อปี จะต้องจ่ายเบ็ดเสร็จ 55 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องบิน Gulf stream รุ่น G650-ER เป็นรุ่นที่ มหาเศรษฐี, นักธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูง มักนิยมซื้อไว้เป็นพาหนะส่วนตัว เนื่องจากบินได้เร็ว โดยใช้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1,140 กม./ชม. ทำให้ประหยัดเวลาเดินทาง ซึ่งตามรายงาน ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในไทย ต่างก็ครอบครองอยู่หลายคน อาทิ วิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตเจ้าของกลุ่มกิจการ คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี กับบุคคลในธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์…