สำนักข่าวเอเอฟพีเสนอรายงานพิเศษ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในไทย ว่าผ่านพ้นมาแล้วนานกว่า 2 เดือน นับตั้งแต่จัดการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บ้านเมืองยังคงเผชิญกับทางตันในการขับเคลื่อนกลไกการบริหารประเทศ เนื่องจากพรรคก้าวไกลซึ่งได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมากที่สุด ไม่สามารถผลักดันให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ และต้องส่งตอโอกาสให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับสอง


อย่างไรก็ดี การที่บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยเชิญแกนนำพรรคการเมืองหลายพรรคเข้าพบหารือ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แล้วสมาชิกทุกคนชนแก้วเครื่องดื่ม “มินต์ช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตมินต์” หรือ “มินต์ช็อก” เป็นที่สนใจของสังคมไทย สื่อมวลชนหลายสำนักขนานนามเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า “เมนูหักหลังเพื่อน”


ขณะที่คาเฟ่บางแห่ง ประกาศยุติจำหน่ายเครื่องดื่มรายการดังกล่าว แม้กระแสความสนใจและความต้องการของประชาชนเพิ่มขึ้น


บาริสต้าที่ “ThinkLab creative space and cafe” เป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้มินต์ช็อกเป็นเครื่องดื่มขายดีที่สุดของร้าน พนักงานทุกคนในร้านประหลาดใจพอสมควร แต่ต้องขอบคุณบรรดานักการเมืองที่ช่วยให้เครื่องดื่มชนิดนี้เป็นที่รู้จัก มียอดจำหน่ายเฉลี่ยวันละประมาณ 150 แก้ว โดยสนนราคาแก้วละ 90 บาท


ทีมงานของ ThinkLab creative space and cafe ยืนยันว่า มินต์ช็อกเป็นเพียงเครื่องดื่มที่อร่อย สามารถดึงดูดลูกค้ามากมาย และร่วมแบ่งปันความสุขด้วยกัน


สถานการณ์การเมืองในไทย ณ เวลานี้ สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับบรรดาผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล แต่การประท้วงบนท้องถนน ยังคงจำกัดมาก เมื่อเทียบกับ “ยุคเสื้อเหลือง-เสื้อแดง” และการประท้วงเมื่อช่วงปี 2563 โดยการวิจารณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์มากกว่า ซึ่งมินต์ช็อกยังคงเป็นหนึ่งในประเด็น

แม้ผู้คนส่วนหนึ่งบอกว่า จะไม่ดื่มอีก แต่มีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่มองว่า เครื่องดื่มกับเรื่องการเมือง ไม่ควรนำมาเชื่อมโยงเป็นประเด็นเดียวกัน.

เครดิตภาพ : AFP