เมื่อวันที่ 11 ส.ค. นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดีโกงหุ้นสตาร์ค ว่า เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการแถลงข่าวรายงานความคืบหน้าบางส่วน อาทิ การออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งสิ้น 10 ราย ตามที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น ล่าสุดคณะพนักงานสอบสวนได้เรียกผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 4 ราย เหลืออีก 1 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม โดยพนักงานสอบสวนนัดหมายให้เข้าพบในช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานและการสอบปากคำพยานบุคคล ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างดำเนินการต่อเนื่อง อีกทั้งได้มีการสอบปากคำในฐานะพยานไว้แล้วจำนวน 70 ปาก แบ่งเป็นกลุ่มพนักงานบริษัท ผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทสตาร์คฯ เป็นต้น เพื่อให้ได้ข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมมาประกอบการสอบสวน นอกจากนี้ การอายัดทรัพย์สินในส่วนของผู้กระทำผิด หรือผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการอายัดที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัทฯ ไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนรายละเอียดที่ดิน และมูลค่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมที่ดิน

โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนยังได้ดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารของนายชนินทร์ ซึ่งเป็นบัญชีที่ผูกกับบัญชีธนาคาร “เครดิต สวิส” บริษัทหลักทรัพย์ จำนวน 220 ล้านบาท โดยการอายัดครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการเยียวยาผู้เสียหายในอนาคต อีกทั้งดีเอสไอยังคงเร่งรัดดำเนินการทั้งทางการสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดีมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในกรณีของนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทสตาร์คฯ หรือ ทายาทสี TOA เจ้าตัวได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา และได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหา ก่อนประสงค์ส่งหนังสือแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง ส่วนคำให้การของผู้ต้องหารายอื่นๆ อาทิ นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานกรรมการฝ่ายการเงินของบริษัทสตาร์คฯ และ น.ส.ยสบวร อำมฤต เลขานุการของนายชนินทร์ ที่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนหน้านี้ คำให้การทั้งหมดยังคงอยู่ในสำนวนคดีเพื่อการตรวจสอบ แต่ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างรอผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่จะต้องเข้าให้ปากคำทำให้ยังมีเนื้อหาบางส่วนที่ยังไม่ได้รับครบถ้วน จึงต้องขอเวลาให้พนักงานสอบสวนได้พิจารณาก่อน

เมื่อสอบถามกรณีการหนีหมายจับของนายชนินทร์ จากเดิมประเทศปลายทางคือสิงคโปร์ ล่าสุดพนักงานสอบสวนมีทางการข่าวอย่างไรบ้าง โฆษกฯ ระบุว่า จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่านายชนินทร์ไม่ได้พักอาศัยอยู่ภายในประเทศสิงคโปร์แล้ว แต่ดีเอสไอได้ประสานความร่วมมือต่อเนื่องกับองค์การตำรวจสากลและได้แจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเกี่ยวกับการเพิกถอนหนังสือเดินทางของเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้มีการแบ่งทีมทำงานออกเป็นสองทีม ได้แก่ 1.ทีมติดติดตามรายการทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีสตาร์คฯ และ 2.ทีมติดตามตัวบุคคล/ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีสตาร์คฯ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า การติดตามยึดอายัดรายการทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดในคดีโกงหุ้นสตาร์คฯ เริ่มจากอายัดทรัพย์สินบัญชีส่วนแรกประมาณ 100 ล้านบาท ของกลุ่มนายชนินทร์และนายศรัทธา ต่อด้วยรถยนต์ของนายชนินทร์ และต่อด้วยที่ดิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมที่ดินและจะดำเนินการอายัดทันทีรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ เครดิตสวิส ซึ่งนายชนินทร์ มีเงินในบัญชีอยู่ประมาณ 220 ล้านบาท ขณะที่การสอบปากคำพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำไปแล้วประมาณ 70 ปาก ประกอบด้วย พยานกลุ่มพนักงานบริษัท 20 ปาก พยานกลุ่มคณะกรรมการบริหาร 2 ปาก พยานกลุ่มผู้สอบบัญชี 2 ปาก พยานกลุ่มลูกหนี้การค้าปลอม 6 ปาก พยานกลุ่มผู้รับเงินจากบริษัทสตาร์คฯ 6 ปาก พยานกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ นายทะเบียนหุ้นกู้ อีก 35 ปาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนคดีอาญา ต้องรอให้พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องและศาลมีคำพิพากษา และให้ผู้กระทำผิดชดใช้เงินคืน ส่วนคดีแพ่งให้เป็นไปตามที่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ฟ้องตามคดี Class action หรือการดำเนินคดีแบบกลุ่ม.