พร้อมๆ กับการกระพือข่าวชงชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาแทน ขณะที่พรรคเพื่อไทยยืนยันจะเสนอชื่อ ‘เสี่ยนิด’ ให้รัฐสภาพิจารณาอย่างแน่นอน พร้อมนัดพรรคการเมืองที่ประกาศจะจัดตั้งรัฐบาลแถลงในวันที่ 21 ส.ค.นี้  ส่วน “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” จอมแฉก็จองเวรนัดแฉปมซื้อขายที่ดิน บมจ. แสนสิริไว้เป็นชนักปักหลังเอพพิโสดสุดท้ายในวันเดียวกัน จึงต้องจับตาว่าท้ายที่สุดแล้ว ‘เสี่ยนิด’และพรรคเพื่อไทยจะถอดใจส่งชื่อแคนดิเดตคนอื่นแทนในวินาทีสุดท้ายหรือไม่  

นอกจากนั้นในวันที่ 22 ส.ค.ยังต้องจับตาวาระการเดินทางกลับประเทศไทยของ เสี่ยแม้ว’ ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี หลัง อุ๊งอิ๊ง’ ประกาศว่าจะไปรับพ่อเวลา 09.00 น.ที่สนามบินดอนเมือง ครั้งนี้กลับจริงไม่เพ้อเจ้อ หากทุกอย่างเป็นไปเดินไปตามเกมนี้ก็เท่ากับพรรคเพื่อไทยวินวินมีแต่ได้กับได้ และ  22 ส.ค.จะถือเป็นวันประวัติศาสตร์ในการสลาย สงครามสีเสื้อเหลืองแดง ที่ยาวนานเกือบ 20 ปี พรรคการเมืองขั้วตรงข้ามที่เคยห้ำหั่นกันแต่คนบาดเจ็บล้มตายคือประชาชนของทั้ง 2 ฝ่ายหันมาจูบปากกันโดยอ้างว่าเพื่อเดินหน้าประเทศ เป็นบทสรุปว่าไม่เคยมีมิตรแท้และศัตรูถาวรในวัฏจักรการเมืองไทย  

มาที่ซีกที่ต้องเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล คนที่ท็อปฟอร์มที่สุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น ‘หมออ๋อง’ ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นเรื่องขึ้นมาตั้งแต่การโพสต์ภาพคราฟท์เบียร์ผ่านสื่อโซเชียล จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมตามด้วยการถูกร้องเรียนจากบรรดานักร้องให้สอบทั้งจริยธรรมและอาญา  

ล่าสุดหมออ๋อง’ยังฉีกกฎเกณฑ์รองประธานสภา ด้วยการเชิญแม่บ้านสภา 370 ชีวิตมาร่วมปาร์ตี้หมูกระทะที่ร้านย่านบางโพ  ใช้งบรับรองของรองประธานสภา ที่ได้รับปีละ 2 ล้านบาทมาจัดเลี้ยง ซึ่งแม่บ้านสภาก็ถือเป็นแขกของตน ไม่แตกต่างจากนักการเมืองที่เคยอยู่ในตำแหน่งนี้ เคยนำไปเลี้ยงรับรองแขกคนอื่นๆ เช่นกัน  

แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็เข้าทางเหล่านักร้องที่ต้องหาคดีติดตัวให้อีกตามเคย และอาจจะเป็นผลงานทิ้งทวนของ “หมออ๋อง” ก่อนหลุดจากเก้าอี้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าพรรคฝ่ายค้านจะต้องไม่มีผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานสภา รองประธานสภา และรัฐมนตรีสังกัดพรรคการเมืองนั้น.

พิราบบานเย็น