เมื่อวันที่ 20 ส.ค. สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง สุดขั้วการเมือง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวน 1,150 ตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติ ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15 – 19 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

ผลสำรวจพบว่าเมื่อถามถึงการรอคอยการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.5 ระบุ เป็นเรื่องที่รอได้เพราะ ต้องการรัฐบาลที่ดี ไม่มีปัญหา ต้องการรัฐบาลที่ทำงานได้ดีมีผลงาน แก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนได้แท้จริง บางส่วนระบุว่า จะตั้งได้ตั้งไม่ได้ ตั้งเร็วตั้งช้าไม่ใช่เรื่องไม่เกี่ยวอะไรด้วย ไม่มีผลอะไร ไม่เห็นว่ามีอะไรดีขึ้น มีหรือไม่มีก็เหมือนเดิม และบางส่วนระบุว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่รีบ เป็นต้น ในขณะที่ ร้อยละ 31.5 ควรเร่งจัดตั้งโดยเร็ว เพราะชาวบ้านกำลังเดือดร้อน เศรษฐกิจจะพังไปมากกว่านี้ ขาดความเชื่อมั่น เป็นต้น

เมื่อถามถึง กรอบระยะเวลาที่รอการจัดตั้งรัฐบาลได้ พบว่า ร้อยละ 25.9 ระบุภายในเดือน ส.ค.ร้อยละ 20.4 ระบุ ภายในเดือนก.ย.ร้อยละ 24.1 ภายใน ต.ค. และร้อยละ 29.6 ระบุ รอได้ไปเรื่อย ๆ  เมื่อถามถึง คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ต้องการ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.2 ระบุ เข้าถึงประชาชน แก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน แม้ในถิ่นทุรกันดาร รองลงมาคือร้อยละ 63.0 ระบุ เป็นคนดีต่อเนื่อง ไม่มีประวัติด่างพร้อย ร้อยละ 51.9 ระบุ เคยมีประสบการณ์ แก้วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตธุรกิจของตนเอง แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้ ร้อยละ 42.6 ระบุ เป็นคนที่ไม่สนับสนุนแนวคิดของกลุ่มแบ่งแยก แตกแยกของคนในชาติ และร้อยละ 42.5 ระบุมีประสบการณ์การเมืองและบริหารราชการ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ ความกังวลของประชาชน หลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.5 ระบุ ปัญหาวิกฤตของประชาชน ไม่ถูกแก้ไข ประชาชนถูกหลอกเหมือนเดิม รองลงมาคือร้อยละ 74.1 ระบุ ทุจริต คอรัปชั่น ร้อยละ 63.0 ระบุ ความขัดแย้ง แตกแยกของคนในชาติ ร้อยละ 61.1 ระบุ ความวุ่นวายของบ้านเมือง และร้อยละ 7.4 ระบุอื่น ๆ เช่น ไม่กังวลอะไร เป็นต้น

ซูเปอร์โพล ระบุว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองไม่เกี่ยวอะไรกับความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน การจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นเรื่องที่รอได้เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ดีมีประสิทธิภาพมีผลงาน แต่บางส่วนมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะหวังให้รีบเข้ามาแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน โดยคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการคือ ต้องเข้าถึงประชาชนแม้ในถิ่นทุรกันดาร เป็นคนดีไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่สนับสนุนไม่เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติ มีผลงานเคยแก้วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตธุรกิจ เคยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อายุไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป และมีประสบการณ์การเมืองและการบริหารระบบราชการ เป็นต้น และที่น่าเป็นห่วงคือประชาชนกังวลว่า ประชาชนจะถูกหลอกเหมือนเดิม ปัญหาวิกฤตชาติไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและ ความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติยังคงอยู่.