โทมัส ฮาววี หนุ่มใหญ่วัย 54 ปีจากเขตโอคแลนด์ เคาน์ตี รัฐมิชิแกน อ้างว่าเขาประสบเหตุที่น่าขยะแขยง ระหว่างที่เขาร่วมรับประทานอาหารกับเพื่อน ๆ ในร้านอาหารแฟรนไชส์ชื่อดังสไตล์อิตาลี ‘โอลีฟ การ์เดน’ สาขาเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2566

ฮาววี เล่าว่า ระหว่างที่เขารับประทานซุปที่สั่งมานั้น เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างทิ่มแทงอยู่ในปากของเขา ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเข็มแหลม แต่เมื่อเขาพยายามกลืนสิ่งแหลม ๆ นั้นลงไป เขาก็พบว่ามันติดอยู่ตรงกระพุ้งแก้ม

ฮาววี กล่าวว่า เขาถึงกับอาเจียนเมื่อพบว่าสิ่งที่เขาเกือบจะกลืนลงท้องไปนั้นคืออะไร ชิ้นส่วนที่เห็นทำให้เขาคลื่นไส้และรู้สึกขยะแขยงจนควบคุมตัวเองไม่ได้ และอาเจียนออกมาในร้าน

ฮาววี อ้างว่า เขาโทรฯ แจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่ร้าน เขาก็นำชิ้นส่วนที่เขาคายออกมาในชามซุปดังกล่าวให้ตำรวจดู ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นชิ้นส่วนเท้าของสัตว์ ซึ่งยังมีขนติดอยู่ด้วยซ้ำ เขาเล่าว่ากระทั่งเจ้าหน้าที่ยังอดปิดปากด้วยความคลื่นไส้ไม่ได้

ฮาววี เพิ่งตัดสินใจยื่นฟ้องร้านโอลีฟการ์เดน และเรียกร้องค่าเสียหาย 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 877,250 บาท) ซึ่งทำให้นักชิมจำนวนมากสนใจติดตามเรื่องราว เพราะร้านนี้มีชื่อเสียงในการเสิร์ฟเมนูซุป พาสตา และสลัดแบบไม่อั้น

ด้านโฆษกของบริษัทดาร์เดนซึ่งเป็นเจ้าของร้านโอลีฟ การ์เดน ให้ความเห็นแก่ผู้สื่อข่าวว่า ทางร้านไม่พบมูลเหตุที่ชี้ได้ว่า คำกล่าวหาของ ฮาววี เป็นความจริง ขณะที่เพื่อน ๆ ของ ฮาววี ต่างพูดในเชิงสนับสนุนเขา

เพื่อนคนหนึ่งของ ฮาววี่ เล่าว่า พวกเขาเรียกผู้จัดการร้านมาเพื่อรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผู้จัดการกลับบอกว่า เขาไม่สามารถจัดการอะไรให้ได้ และพยายามที่จะนำชิ้นส่วนเท้าหนูออกไปจากโต๊ะ นอกจากนี้ ยังมีพนักงานเสิร์ฟอีกรายที่กล่าวว่า ซุปดังกล่าวไม่ควรจะมีเนื้อสัตว์อยู่เลย

หลังจากเกิดเหตุ ฮาววี ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดวัคซีนกันโรคบาดทะยัก เขายังกล่าวหาว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้และท้องเสียไปอีกหลายวัน นอกจากนี้ยังต้องทนทรมานกับการอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าต่อจากนั้นอีกหลายเดือน โดยที่เขาไม่สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้อีกต่อไป เมื่อไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เว้นเสียแต่ว่า เขาจะได้เห็นกระบวนการปรุงทั้งหมดด้วยตาตัวเอง

ที่มา : nypost.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES