เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา น.ส.วารุณี ม่วงละออ อายุ 22 ปี สภาพถูกตัดขาขวาเป็นคนพิการ และแขนขาหักต้องผ่าตัดดามเหล็กไว้ และนายณัฐวุฒิ อยู่ปราง อายุ 33 ปี สภาพกระดูกหักทั่วร่าง ทั้งต้นคอ กราม ซี่โครง แขนขวา ขาขวาหัก ต้องใส่เกราะพยุงตัว ปลอกดามคอ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องช่วยกันยกรถวีลแชร์และอุ้มขึ้นไปที่ห้องประชุม กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นางปวีณา กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ ได้รับการร้องเรียนจากครอบครัวของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากอุบัติเหตุที่ ร.ต.ต.อัฑฒกร วังสะนา อายุ 53 ปี รอง สวป.สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ก่อเหตุ โดยหลังเกิดเหตุไม่เคยมาเหลียวแลให้การช่วยเหลือหรือเยียวยาบรรเทาทุกข์เหยื่อแต่อย่างใด อ้างเพียงว่าไปบวชเป็นพระ แต่กลับไม่เห็นใจ ปล่อยผู้เสียหายและครอบครัวต้องทนทุกข์ เพราะเหยื่อทั้งสองครอบครัวยากจน ลำบากขาดรายได้ ทำงานไม่ได้ แต่มีค่าใช้จ่ายต้องเดินทางเข้า-ออกโรงพยาบาล และค่าส่วนเกินในการรักษา เดือดร้อนหนักต้องไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเพื่อมาใช้จ่าย

นางปวีณา กล่าวอีกว่า เห็นใจครอบครัวผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างยิ่ง รายแรก นอกจากตัวเองจะต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญไป โดยถูกตัดขา 1 ข้าง ไม่สามารถทำงานได้แล้ว แฟนที่ทำงานบริษัทเดียวกันก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้อีกด้วย ขณะนี้น้องยังไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พี่สาวต้องเข้ามาช่วยดูแล ต้องกู้หนี้ยืมสิน ส่วนรายที่ 2 นอกจากประสบอุบัติเหตุอาการสาหัสแล้ว ยังต้องมาสูญเสียภรรยา ลูกสาวอายุ 9 ขวบ กำพร้าแม่ เขาก็ดูแลลูกไม่ไหว เพราะตัวเองยังเดินแทบไม่ได้ พ่อแม่ต้องเข้าช่วยดูแลตัวเขาและลูก ทุกวันนี้ลำบากมาก ทั้งร่างกายและจิตใจย่ำแย่

นางปวีณา กล่าวว่า วันนี้ได้นัดหมาย พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อพาผู้เสียหายเข้าพบติดตามคดีให้ได้รับความเป็นธรรม ได้รับการเยียวยาทั้งร่างกายจิตใจ และเยียวยาเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่รอดได้ มีกำลังใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่อสู้ชีวิต โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามทั้งคดีและหาแนวทางช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ส่วนกรณีเงินเยียวยาผู้เสียหายทางคดีหลังผู้เสียหายทั้ง 2 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 66 นางปวีณา ได้ประสาน น.ส.จิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผอ.สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ (สชง.กคส.) รายงานว่า ได้ติดตามความคืบหน้าไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับคำร้องไว้แล้ว

รายที่ 1. น.ส.วารุณี ม่วงละออ อายุ 22 ปี ขาดเอกสารประกอบเรื่องความพิการ ซึ่งได้ยื่นเพิ่มเติมแล้ววันที่ 17 ส.ค. 66 รายที่ 2. นายณัฐวุฒิ อยู่ปราง อายุ 33 ปี ยังขาดเอกสารใบรับรองแพทย์ และใบชันสูตรบาดแผล หากได้รับครบแล้วจะนำเข้าที่ประชุมพิจารณาช่วยเหลือในวันที่ 15 ก.ย. 66 ทั้งสองราย

ขณะที่ผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย จากเหตุการณ์เดียวกัน ได้แก่ น.ส.วันเพ็ญ แจ้งสว่าง อายุ 35 ปี (ภรรยานายณัฐวุฒิ) และ นายภูษิต งาตา อายุ 18 ปี แฟน น.ส.วารุณี ได้มีการอนุมัติเงินช่วยเหลือ 55,000 บาท อยู่ระหว่างการของบกลางมาสมทบ หากงบประมาณมาถึงจะเร่งดำเนินการเบิกจ่ายให้ญาติโดยเร็วต่อไป

น.ส.วารุณี กล่าวว่า เคยมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่น แต่วันนี้มาถูกตัดขาเพราะถูก รอง สวป. เมาขับรถมาชน จนต้องกลายเป็นคนพิการ ยังไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ตอนนี้มีพี่สาวคอยดูแล ซึ่งก็ยากจน ต้องไปกู้เงินเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาดูแลหนู อยากให้ผู้ก่อเหตุเห็นใจและมาดูแลเยียวยากันบ้าง ตั้งแต่หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมเงินมาช่วยเหลือครั้งเดียว 3 หมื่นบาท ในส่วนผู้ก่อเหตุไม่เคยมาเลย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องสูญเสียภรรยาไปจากเหตุการณ์นี้ ลูกสาว 9 ขวบ ต้องกำพร้าแม่ ขณะที่ตนก็มาอยู่ในสภาพนี้ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมเงินมาช่วยเหลือ 2 หมื่นบาท ส่วน รอง สวป. ไม่เคยมาเลย แม้แต่งานศพของภรรยาที่เสียชีวิตก็ไม่มา อ้างว่ากลัวจะถูกประชาทัณฑ์ ซึ่งถ้ามาคงไม่มีใครไปทำอะไรเขาเพราะเขาเป็นตำรวจ และเหตุมันเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยมาเหลียวแลรับผิดชอบกับการกระทำเลย

พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ ตนได้กำชับผู้กำกับ สภ.วังน้อย ต้นสังกัดให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเกิดความสูญเสียต่อร่างกายและทรัพย์สิน โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตยากที่จะเยียวยาได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้ก่อเหตุ ถือว่าเป็นการกระทำความผิด ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมาอ้างไม่มีเงินที่จะมาช่วยเหลือดูแลคนเจ็บและผู้เสียชีวิตไม่ได้ ต้องรับผิดชอบในส่วนที่ตนได้ทำไปให้มากที่สุด

“ในส่วนของคดี ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว ส่งให้อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาตรวจสำนวนเพื่อเตรียมฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว” พล.ต.ต.ชยานนท์ กล่าวย้ำ พร้อมได้มอบเงินจำนวนหนึ่งช่วยเหลือครอบครัวของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

ด้าน ร.ต.ต.อัฑฒกร กล่าวว่า ในส่วนที่ไม่ได้ไปเคารพกราบขอขมาศพหรือไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ เพราะในช่วงนั้น ตนยังมีความกลัวว่าถ้าไปพบแล้วอาจจะถูกทางกลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตทำร้ายร่างกายด้วยความโกรธ ส่วนสาเหตุที่ไปบวช เพราะต้องการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต วันนี้ถือได้ว่าเป็นการที่ได้พบกันอย่างใกล้ชิด ไม่มีความตึงเครียด ตนขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องกราบขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่ต้องสูญเสียอวัยวะสูญเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ ต่อไปนี้ตนจะไปเยี่ยมครอบครัวของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนการเยียวยาหลังจากนี้ จะนำเอาทรัพย์สินของตนที่มีอยู่ ไปขายนำเงินไปเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บต่อไป

จากนั้น ร.ต.ต.อัฑฒกร ได้ลุกขึ้นเดินไปกราบขอโทษครอบครัวของผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิต หลังจากที่ไม่เคยได้มีโอกาสได้พูดคุยกันแบบใกล้ชิด