เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยสอบถามกับประชาชนกลุ่มอาชีพขับรถรับจ้างทั่วไป ที่ขับรถมาจอดรอลูกค้า ยังสถานีขนส่งผู้โดยสาร หรือ บขส.อุทัยธานี เกี่ยวกับเรื่องผลกระทบของราคาน้ำ หลังจากที่ช่วงนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้นแตะราคาลิตรละ 40 บาทแล้ว ส่วนน้ำมันชนิดอื่นๆ ก็ยังคงขยับขึ้นอีกเช่นกัน

อย่างกลุ่มผู้ที่ขับสามล้อรับจ้าง หรือที่เรียกกันว่า สกายแลป โดย นายบุญยัง ครุฑทอง อายุ 59 ปี เล่าว่า ตอนนี้เติมน้ำมัน 100 บาท ได้น้ำมันแค่เพียง 2 ลิตรกว่าเท่านั้น ถึงน้ำมันจะขึ้นราคา แต่เราก็ขึ้นราคากับลูกค้าไม่ได้ เพราะกลัวว่าลูกค้าจะไม่ให้บริการกับเรา ซึ่งหากขืนยังเป็นอยู่อย่างนี้ ก็คงอาจจะต้องหยุดวิ่ง แล้วหันไปหารับจ้างทำงานอย่างอื่นแทน ซึ่งก็อยากให้ทางรัฐบาลชุดใหม่ เร่งเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ของชาวบ้านให้เร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน เจ้าของรถรับส่งผู้โดยสารที่มารอคนที่ท่ารถ บขส.อุทัยธานี หรือที่เรียกกันว่า รถแดง ซึ่งจะวิ่งรับส่งลูกค้าแต่ละอำเภอในจังหวัด ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้ลำบากกันมาก อยากจะขึ้นราคาค่าโดยสารแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องขออนุญาตจากทางสำนักงานขนส่งก่อน ซึ่งก็ต้องทำเรื่องอีกนาน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ตอนนี้ก็ต้องรับส่งลูกค้าในราคาเดิม ทั้งที่น้ำมันนั้นแพงมาก ยอมรับว่าแบกภาระนี้มานาน ซ้ำทุกวันนี้คนก็ไม่ค่อยขึ้นรถอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับสมัยก่อน ที่รถรับส่งหรือรถเมล์ประจำอำเภอนั้นยังทำรายได้ดีอยู่ เพราะปัจจุบัน คนมีรถส่วนตัวกันมากขึ้น แต่ตอนนี้ก็ยังไม่คิดที่จะเลิกทำอาชีพนี้ เพราะก็ยังมีความหวังว่าสักวันอาจจะดีขึ้น และเสียดายคิวรถที่ทำเรื่องขอทางขนส่งจนได้ทำอาชีพนี้มากว่า 20 ปีแล้ว

ส่วนกลุ่มคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงหนักมาก แถมราคาข้าวสาร อาหารต่างๆ ก็ยังแพงขึ้นมากกว่าที่เคยซื้ออีกด้วย ทุกวันนี้เหลือกำไรหลังจากเติมน้ำมันแล้วแค่ 100 กว่าบาท หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะได้มากหน่อย ประมาณวันละ 200-300 กว่าบาท ซึ่งนับว่าเหลือน้อยมาก เพราะยังต้องซื้อข้าวปลาอาหารไปให้ครอบครัวทุกวัน.