เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ สน.ดินแดง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาพ่อแม่ ด.ช. 10 ขวบ ซึ่งถูกรถมินิบัสสาย 12 เฉี่ยวชนและทับร่างจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุบริเวณถนนประชาสงเคราะห์ 33 แขวงและเขตดินแดง กทม. เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา เข้าพบ พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.นราวุฒิ รักษาวงศ์ ผกก.สน.ดินแดง ตัวแทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม พร้อมกับเชิญตัวโชเฟอร์คนขับรถมินิบัสคันเกิดเหตุมาเพื่อติดตามความคืบหน้าการเยียวยาและทวงถามความรับผิดชอบ

แม่ ด.ช. 10 ขวบ กล่าวว่า เปิดเผยว่า อาการลูกกระดูกเชิงกรานหัก ม้ามฉีก มีร่องรอยฟกชํ้าอีกหลายจุด ตลอดระยะเวลาร่วม 1 เดือนที่ผ่านมา ทางคนขับไม่เคยแสดงความรับผิดชอบหรือขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงทางบริษัท ขสมก. มอบเงินช่วยเหลือ 5 พันบาท และทางบริษัทเจ้าของรถคันเกิดเหตุอีก 1 หมื่นบาท จากนั้นเงียบหายไป ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จนถึงขณะนี้ลูกชายยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยผ่าตัดมาแล้ว 3 ครั้ง และต้องผ่าตัดครั้งที่ 4 ในอนาคต อีกทั้งตนที่เปิดร้านซักรีด ต้องปิดร้านไปเพื่อเฝ้าดูแลลูก ทําให้ขาดรายได้จุนเจือครอบครัว

ด้านคนขับรถมินิบัสที่ก่อเหตุ ยอมรับว่า ขับรถเฉี่ยวชนจากด้านหลัง และล้อซ้ายทับร่างของน้องจริง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมยืนยันว่า ได้ลงมาดูแลน้องตอนเกิดเหตุก่อนนําส่งโรงพยาบาล ส่วนเรื่องการเยียวยาที่ล่าช้า อยู่ระหว่างรอประกันภัยที่ทางเจ้าของรถทําประกันชั้น 3 เอาไว้ เข้ามาดูแลในส่วนนี้ สําหรับการเยียวยาเรื่องค่าใช้จ่ายหรือค่าเดินทาง ต้องขอกลับไปพูดคุยกับเจ้าของบริษัทรถเช่าเสียก่อน แต่ถึงขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ

ขณะที่ พ.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า แม้คนขับจะเช่ารถมาขับก็ตาม แต่เนื่องด้วยบริษัทได้รับสัมปทานในการเดินรถสาธารณะจาก ขสมก. ดังนั้น บริษัทเจ้าของรถไม่สามารถปฏิเสธค่าเยียวยาได้ โดยหลังจากนี้ จะประสานไปยังบริษัทเจ้าของรถคันที่เกิดเหตุ บริษัทประกันภัย และครอบครัวผู้เสียหาย เข้ามาเจรจาร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้มีความชัดเจนในการช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียหาย

ด้านตัวแทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีอุบัติเหตุ ผู้เสียหายสามารถยื่นคําร้องขอเงินเยียวจากกองทุนเป็นเงินรวม 9 หมื่นบาท แต่ขึ้นอยู่กับกรรมการพิจารณาว่าเข้าเกณฑ์ในการช่วยเหลือหรือไม่

นางปวีณา เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะประสานไปยังโรงพยาบาลวิมุต เพื่อนําน้องไปรักษาตัวต่ออีก 3 สัปดาห์ จากนั้นจะประสานไปยังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อรับตัวน้องมาผ่าตัดครั้งที่ 4 อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวมองว่าผู้กระทําผิดควรมีคุณธรรม รวมทั้งบริษัทประกันภัยจะต้องเข้ามารับผิดชอบและดูแลผู้เสียหายด้วย