เมื่อวันที่ 12 ก.ย. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. กล่าวถึงความพร้อมในการรองรับนโยบายฟรีวีซ่าชาวจีน ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในเดือน ต.ค. นี้ โดยเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผู้บัญชาการและตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปพบกับทางการจีน เพื่อหารือเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายของชาวจีน ซึ่งพบว่าทางการจีน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และได้มีการประสานความร่วมมือเกี่ยวกับ Free Visa ของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งจะมีการนำนโยบายดังกล่าวมาใช้

ยืนยันว่าหากมีการนำนโยบายดังกล่าวมาใช้จริง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีความพร้อมในการดูแลนักท่องเที่ยวฟรีวีซ่าที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกคือการดูแลรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาตามด่านตรวจต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะด่านตรวจของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนี้ได้มีการซักซ้อมเตรียมความพร้อม หากมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในเวลาเร่งด่วนจำนวนมากๆ ทั้งนักท่องเที่ยวจากฟรีวีซ่าชาวจีนและนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ที่เดินทางเข้ามาพร้อมกัน โดยจะจัดเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำช่องตรวจทั้ง 119 ช่อง แม้ว่าจะมีความคับคั่งแออัดตามช่องตรวจดังกล่าว แต่เชื่อว่าจะสามารถระบายคนออกจากด่านได้ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ ยังเตรียมหารือกับการท่าอากาศยานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอเพิ่มช่องตรวจให้เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น

ส่วนที่สอง คือ การติดตามนักท่องเที่ยวฟรีวีซ่าชาวจีนรวมถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะนี้ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการพัฒนาระบบลงทะเบียนแจ้งที่พักนักท่องเที่ยวและชาวต่างด้าว โดยจากเดิมระบบดังกล่าวจะเป็นการแจ้งผ่านทางเว็บไซต์หรืออีเมล ซึ่งใช้วิธีการขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก และไม่มีการตอบกลับจากทางตำรวจ ทั้งยังต้องแจ้งผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาระบบร่วมกับบริษัทเอกชนจัดทำเป็นลักษณะของแอปพลิเคชัน สามารถใช้ลงทะเบียนแจ้งที่พักของชาวต่างชาติได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต และลดขั้นตอนต่างๆ ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบตรวจสอบข้อมูลด้วย AI และตอบกลับการรับข้อมูลของนักท่องเที่ยวภายใน 1 ถึง 3 วัน โดยระบบดังกล่าวจะเริ่มเปิดให้ใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. นี้ เป็นต้นไป

จากการสอบถามบริษัทผู้พัฒนาระบบเชื่อว่าหากมีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีนแบบฟรีวีซ่าและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเทศอื่น ระบบการแจ้งดังกล่าวจะสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวคราวละมากๆ ได้ หากดูข้อมูลการลงทะเบียนตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีผู้ลงทะเบียนแจ้งข้อมูลมาแล้วรวม 19 ล้านครั้ง หากมีการเปิดใช้ระบบฟรีวีซ่าชาวจีน น่าจะมีผู้ใช้บริการระบบดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากหลายเท่าตัว นอกจากนี้ยังประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ประกอบการที่พักทุกประเภทให้แจ้งข้อมูลการเข้าพักของชาวต่างชาติทุกคน หากไม่แจ้งข้อมูลดังกล่าว ก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 8,000 บาท

ส่วนกรณีของโรงแรมเถื่อนหรือที่พักที่ไม่ได้รับอนุญาต ทราบว่าเป็นอำนาจการดูแลของกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องลงไปตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย แต่ในเบื้องต้นทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะร่วมกับทางกระทรวงมหาดไทย ลงไปตรวจสอบเก็บข้อมูลและบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องปรามและกดดันให้ที่พักเถื่อนเหล่านี้เข้าสู่ระบบโดยเร็ว.